ศบค.เผย 6 ใน 10 รายใหม่ ติด "โควิด-19" เป็น "ทหารไทย" กลับจากฮาวาย
ศบค.เผย 6 ใน 10 รายใหม่ ติด “โควิด-19” เป็น “ทหารไทย” กลับจากฮาวาย ชี้เปิด ปท.ตัวเลขไม่เป็น 0 แน่!
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) เปิดเผยระหว่างแถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 ราย มาจากต่างประเทศและเข้าพักในสถานกักกันโรคของรัฐ (State Quarantine) นั้น ทุกรายได้มีการคัดกรองที่ด่านควบคุมโรค พบว่ามาจากประเทศต่างๆ ดังนี้
1.ซูดาน 1 ราย เป็นนักศึกษาหญิงไทย อายุ 23 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 17 ราย เข้าพักในสถานกักกันโรคฯ ที่ จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อในวันที่ 21 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อ
2.ปากีสถาน 1 ราย เป็นนักเรียนหญิงไทย อายุ 18 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม เข้าพักสถานกักกันโรคฯ ที่กรุงเทพมหานคร และตรวจหาเชื้อในวันที่ 21 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อ
3.เยอรมนี 1 ราย เป็นนักเรียนชายไทย อายุ 18 ปี เดินทางมาถึงไทย เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม เข้าพักสถานกักกันโรคฯ ที่ จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อในวันที่ 22 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อ
4.เนเธอร์แลนด์ 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 37 ปี อาชีพค้าขาย เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม เข้าพักในสถานกักกันโรคฯ ที่ จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อในวันที่ 22 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อ
5.สหรัฐอเมริกา 6 ราย ทั้งหมดเป็นทหารชายไทย อายุระหว่าง 20-32 ปี กลับจากฝึกทหารที่ฐานทัพฮาวาย เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม โดยผ่านการคัดกรอง ที่ด่านควบคุมโรค พบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) คือ ไข้ ไอ มีน้ำมูก ถ่ายเหลว และ มีผื่นคันตามตัว จึงตรวจหาเชื้อในวันที่ 22 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อ
โฆษก ศบค. กล่าวว่า แนวโน้มของผู้ป่วยในสถานกักกันโรคฯ ในสัปดาห์ที่ 26-30 จำนวน 15 ,23 ,31 ,30 และ 33 ตามลำดับ ซึ่งแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเช่นนี้ โดยแตะที่เลข 30 มาเป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ของโลก ที่พบผู้ป่วยรายใหม่วันละกว่า 2-3 แสนราย ดังนั้นคนไทยที่อยากกลับเข้าประเทศไทย ก็จะต้องดูแลอย่างดีในสถานกักกันโรคฯ แต่อาจจะมีคำถามว่า การเปิดประเทศ เปิดพื้นที่เศรษฐกิจจะมีคนต่างชาติเดินทางเข้ามา จะต้องมีวิธีการอย่างไรที่เทียบเท่าสถานกักกันโรคฯ เช่นนี้ เพื่อไม่ให้มีการนำเชื้อเข้ามาติด
“ตัวเลขที่จะเกิดขึ้น จะยืนยันให้เป็นศูนย์ไม่ได้ แต่ยืนยันว่าเจอแล้วจะมีพื้นที่ดูแลอย่างไร ไม่ให้นำเชื้อมาติดคนไทย ฉะนั้นมีแน่นอน แต่มีการจัดการอย่างไรเท่านั้นเอง ซึ่งเหมือนกับประเทศอื่นที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องมีตัวเลขเป็นศูนย์ แต่ต้องมีมาตรการจัดการ เหมือนเราเป็นไข้ เป็นหวัด ทุกวันนี้ตัวเลขไข้หวัดใหญ่ก็ไม่ได้เป็นศูนย์ แต่เราควบคุมดูแลอย่างไรไม่ให้เกิดการระบาด” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
โฆษก ศบค.กล่าวว่า ในสถานการณ์โควิด-19 ต่างประเทศมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 278,295 ราย และมีผู้ป่วยสะสมทั่วโลก 15,651,911 ราย เสียชีวิต 636,470 ราย โดย 5 อันดับแรก คือ 1.สหรัฐอเมริกา 4,169,991 ราย เสียชีวิต 147,333 ราย 2.บราซิล 2,289,951 ราย เสียชีวิต 84,207 ราย 3.อินเดีย 1,288,130 ราย เสียชีวิต 30,645 ราย 4.รัสเซีย 795,038 ราย เสียชีวิต 12,892 ราย และ 5.แอฟริกาใต้ 408,052 ราย เสียชีวิต 6,093 ราย และประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 104
“การแจกแจงของทั้งโลก กราฟวงกลมพบว่า สหรัฐอเมริกา บราซิล และอินเดีย 3 ประเทศนี้รวมกัน เท่ากับครึ่งหนึ่งของโลก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ของโลก ที่มีจำนวนพุ่งขึ้นตลอด ดังนั้นความคาดหวังของเราจะต้องตรงกับความเป็นจริงโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. กล่าวว่า สิ่งที่ทางการสื่อสารกับภาคประชาชนต้องให้ความคาดหวังตรงกับสิ่งที่เป็นจริง หน้าที่ของผมก็ต้องขอเน้นย้ำว่าสถานการณ์โลกเป็นอย่างนี้ สิ่งที่เราคาดหวังว่าเป็นศูนย์ในประเทศไทยของเรา กับความเป็นจริง เป็นความพยายามที่ต้องสื่อสารให้ตรงจริงๆ เพราะฉะนั้นตัวเลขไม่เป็นศูนย์อีกแล้ว แต่จะเป็นเท่าไรที่ศักยภาพสาธารณสุขรับได้ ก็จะต้องทำ เราต้องพยายามช่วยกันให้มากที่สุด” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว