นายกฯแถลงการณ์ การชุมนุมเพิ่มความเสี่ยงระบาด'โควิด'ระลอกใหม่ อยากให้วางเรื่องการเมืองไว้ก่อน
สองวันก่อนการชุมนุมใหญ่ที่จัดโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันที่ 19-20 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เตือนผู้ที่จะออกมาร่วมชุมนุมประท้วงว่าการรวมตัวกันจะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ และยัง "ทำลายสมาธิ" ของภาครัฐในการจัดการกับโรคระบาดและปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น
"ผมขอใช้โอกาสนี้ พูดกับคนกลุ่มต่าง ๆ ที่อยากจะออกมารวมตัวกันประท้วงด้วยเหตุผลต่าง ๆ ของท่าน เมื่อเวลาที่ท่านมารวมตัวกัน ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมหาศาล ที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ในประเทศไทยและขณะเดียวกัน ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำลายการทำมาหากินของคนไทยด้วยกัน อีกสิบๆ ล้านคน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในช่วงหนึ่งของการแถลงซึ่งเผยแพร่ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ เวลา 18.00 น. วันนี้ (17 ก.ย.)
"ผมก็ขอฝากไปถึงทุกคนที่จะออกมารวมตัวกันว่า ขอให้นึกถึงพี่น้องคนไทยด้วยกันให้มาก ๆ คนไทยอีกเป็นสิบ ๆ ล้านคน ที่จะได้รับผลกระทบ จากการที่ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงในการเจ็บป่วยจากโควิด และเพิ่มความเสี่ยงให้เราต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง"
ในแถลงการณ์ซึ่งมีความยาวประมาณ 10 นาที พล.อ.ประยุทธ์ย้ำในสองประเด็นหลัก ๆ คือ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และการชุมนุมซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้โควิดกลับมาระบาดระลอกสองในไทยและกระทบกับการรับมือกับโรคระบาดของภาครัฐ
"ขอให้ทุกท่านคำนึงถึงเรื่องนี้ให้มาก"
นายกฯ กล่าวว่าขณะนี้ทั่วโลกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 2 อย่างชัดเจน สเปน ฝรั่งเศส อังกฤษ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในรอบสัปดาห์ ขณะที่อินเดียและสหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างมาก และจำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นมาก
ในส่วนของประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่น้อยกว่าประเทศเหล่านั้นมาก เพราะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและทุกฝ่ายร่วมมือกัน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้คนไทยจำเป็นต้อง "ตั้งการ์ด" ให้สูงอีกครั้งเพราะสงครามกับโควิด จะยังอยู่ไปอีกนาน
การที่คนจำนวนมากมารวมตัวกันในการชุมนุมจะเพิ่มความเสี่ยงในการจุดชนวนการแพร่ระบาดโควิดให้ลุกโชนขึ้นมาอีก และ "นั่นจะส่งผลกระทบที่เลวร้าย และทวีคูณปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ไปสู่ระดับที่เรายังไม่เคยเจอมาก่อน ผมขอให้ทุกท่านคำนึงถึงเรื่องนี้ให้มาก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว พร้อมกับระบุว่าในการรวมตัวกันในลักษณะนี้โดยไม่รักษาวินัยในการป้องกันโรคระบาดได้สร้างปัญหาให้กับประชาชนในประเทศอื่น ๆ มาแล้ว
"เราจึงไม่ควรทำอะไรก็ตาม ที่จะเพิ่มความเสี่ยงให้ประเทศไทยต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง เหมือนเมื่อเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมา แบบนั้นจะยิ่งเพิ่มความเดือดร้อนและเจ็บปวดให้กับทุกคน"
"เราไม่ควรทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งไปกว่านี้"
นายกฯ กล่าวต่อว่า การบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิดเป็นสิ่งที่ได้สร้างความเจ็บปวดให้ประเทศไทย และการบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจที่โควิดได้ก่อให้เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องจัดการก่อน
"ผมขอบอกทุกคนที่อยากจะออกมาชุมนุมชัดๆ ว่า ผมได้ยินสิ่งที่ท่านพูด ผมรับทราบความคับข้องใจของพวกท่านในเรื่องการเมือง และความไม่พอใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ผมเคารพความคิดเห็น และความรู้สึกของท่าน"
"แต่วันนี้ ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดเร่งด่วน ที่เราจำเป็นต้องจัดการก่อน นั่นคือการบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจที่โควิดได้ก่อให้เกิดขึ้นไปทั่วโลก เราไม่ควรทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งไปกว่านี้"
นายกฯ กล่าวว่า การชุมนุมจะทำให้
- การฟื้นเศรษฐกิจเกิดการล่าช้า
- ทำลายความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ
- สร้างความลังเลใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาเมืองไทย เมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง
- สร้างความวุ่นวายในประเทศ และ
- ทำลายสมาธิการทำงานของภาครัฐในการจัดการกับโควิด และปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน
"ผมจึงอยากขอให้เราเอาชนะโควิดและผ่านวิกฤตโลกครั้งนี้ไปด้วยกันให้ได้ก่อน หลังจากนั้นเราค่อยกลับมาที่เรื่องการเมือง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
"หลายครั้งผมนอนไม่หลับนะครับ"
นายกฯ กล่าวว่าเขาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับผู้ชุมนุมด้วยความนุ่มนวล แม้ว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน หลายประเทศจะใช้ความเด็ดขาดในการยุติการประท้วง เพื่อป้องการการเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโควิด เช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้มีผู้ประท้วงในเยอรมนีถูกจับและดำเนินคดีกว่า 300 คน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าภารกิจของเขาคือการ "ปกป้องคนไทยไม่ให้เกิดการสูญเสียในชีวิตเป็นหมื่น ๆ ชีวิต เหมือนในประเทศอื่น และป้องกันหายนะทางเศรษฐกิจที่จะตามมาจากการเสียชีวิตของผู้คน และหายนะที่จะตามมาจากการล็อกดาวน์" และเขารู้ถึงความเจ็บปวดของทุกคนที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยว
"ผมรู้สึกจริง ๆ ครับว่าทุกคนเจ็บปวด หลายครั้งผมนอนไม่หลับนะครับ เมื่อคิดถึงจำนวนคนที่ต้องตกงาน และจำนวนธุรกิจที่ต้องปิดกิจการลง"
นายกฯ ย้ำว่าประเทศไทย "กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก ซึ่งไม่มีทางออกไหนที่ไม่มีความเจ็บปวดรออยู่" และแสดงความกังวลว่าหากเกิดการระบาดใหญ่เป็นวงกว้างในประเทศ "เราอาจจะไม่สามารถรับมือได้"
"พี่น้องครับ เรากำลังเดินเข้าสู่ช่วงเวลาที่จะยิ่งยากลำบากมากขึ้น เราจึงควรวางเรื่องการเมืองเอาไว้ก่อน แล้วจับมือร่วมแรงร่วมใจกัน ผ่านพ้นความยากลำบากที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในประวัติศาสตร์โลกไปให้ได้ ผมขอให้ทุกคนยกการ์ดของตัวเองให้สูงอีกครั้ง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่างทางสังคม และโชว์สปิริตของความเป็นไทยต่อไป ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันเอาชนะโควิดไปให้ได้ ขอบคุณครับ"