รีเซต

ถือป้ายประท้วง 'ผอ.-รอง ผอ.' โรงเรียนดังในอุบลฯ จี้ย้ายออก ยื่น 14 ข้อตรวจสอบ

ถือป้ายประท้วง 'ผอ.-รอง ผอ.' โรงเรียนดังในอุบลฯ จี้ย้ายออก ยื่น 14 ข้อตรวจสอบ
มติชน
29 พฤศจิกายน 2565 ( 14:21 )
104
ถือป้ายประท้วง 'ผอ.-รอง ผอ.' โรงเรียนดังในอุบลฯ จี้ย้ายออก ยื่น 14 ข้อตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาแห่งหนึ่ง ใน อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี มีนักเรียนรวมตัวกันถือป้ายข้อความ พร้อมใบปลิวขับไล่ ผู้อำนวยการโรงเรียน และ รองผู้อำนวยการโรงเรียน อาทิ ตัดกกดู่ กกสักเฮ็ดหยัง, ผอ.ไม่บ้าแต่ไปนอน รพ.ศรีมหาโพธิ์, พวกหนูอยากไปทัศนศึกษาค่ะ, …โรงเรียนใหญ่แต่ไร้การพัฒนา, ย้าย ผอ.เก่าออกไปแล้วเอา ผอ.ใหม่มาให้พวกเรา

 

โดยนักเรียนจับกลุ่มกันวิจารณ์การทำหน้าที่ของ ผอ.โรงเรียน โดยนักเรียนไม่ยอมเข้าเรียนจนกว่าจะย้าย ผอ.และรอง ผอ.ออกไป

 

ตัวแทนนักเรียนระบุว่า ถ้าไม่มีการย้ายจะเกิดผลเสียหายกับนักเรีย และโรงเรียน ทั้งนี้ เพราะ ผอ.ทำงานไม่ได้ ครูและนักเรียนไม่เชื่อฟัง การบริหารงานล้มเหลว โรงเรียนสกปรก ไม่มีพัฒนา นักเรียนจะนัดกันเดินขบวนอีกจนกว่า ผอ.และรอง ผอ.จะย้ายออกไป

 

น.ส.มิ่งฤดี นักเรียนชั้น ม.5 กล่าวว่า การที่นักเรียนออกมาเรียกร้องเนื่องจากการบริหารงานของ ผอ.โรงเรียนไม่มีศักยภาพพอที่จะมาบริหารงานโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษแบบนี้ เพราะ ผอ.มีอาการทางจิต บริหารงานได้ไม่เต็มที่ ให้รองผู้อำนวยการเป็นคนรักษาการแทนทุกอย่างทั้งๆ ที่ ผอ.ก็มาทำงาน ข้อเรียกร้องคือนักเรียนต้องการให้ย้าย ผอ.ท่านนี้ไปที่อื่น ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารงาน เช่น ทำโครงการต่างๆ ไม่ผ่านเจ้าหน้าที่พัสดุ ดำเนินการเอง จ้างคนนอกเข้ามาทำงาน

น.ส.มิ่งฤดีกล่าวว่า แม้กระทั่งตัดต้นไม้หวงห้ามก็ยังไม่ขออนุญาตจากทางอำเภอ ทำงานไม่โปร่งใส ไม่มีการพัฒนา นักเรียนจอยากให้ ผอ.ย้ายออกไป อยากให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่ 29 (สพม.29) เข้ามาตรวจสอบและย้าย ผอ.ออกไป

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนักเรียนทำการประท้วงไม่มีฝ่ายบริหารของโรงเรียน โดยเฉพาะ ผอ.ที่เดินทางมาทำงานแต่เก็บตัวเงียบในห้อง ไม่ยอมมาพบเด็กเพื่อทำความเข้าใจ หรือชี้แจงแต่อย่างใด

 

ต่อมา นายโกสินทร์ บุญมาก รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่ 29 (สพม.29) พร้อมนิติกร เดินทางมารับข้อเรียกร้องของตัวแทนนักเรียน 14 ข้อ เบื้องต้นกล่าวกับตัวแทนนักเรียนว่า จะนำข้อเรียกร้องของนักเรียนเสนอไป ผอ.สพม.29 ได้พิจารณาสั่งการต่อไป

 

สำหรับข้อเรียกร้องที่ตัวแทนนักเรียนยื่นถึง สพม.29 ขอให้ตรวจสอบมี  14 ข้อ ประกอบด้วย

ข้อที่ 1 เรื่องการตัดต้นไม้ในโรงเรียน ผู้อำนวยการสั่งการให้งานอาคารสถานที่ตัดต้นไม้ในโรงเรียน โดยอ้างว่าได้ขออนุญาตจากคณะกรรมการสถานศึกษาเพื่อทำถนน โดยตัดต้นมะขามเทศ แต่ในความเป็นจริงได้ตัดต้นไม้หลายต้น ซ้ำยังตัดต้นไม้หวงห้ามตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ คือต้นประดู่และต้นสักทอง บริเวณทางเข้าประตู บริเวณข้างหอประชุม บริเวณข้างสนามฟุตบอล บริเวณหลังอาคาร 4 ซึ่งเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมในสถานที่ราชการ ทำลายความร่มรื่นที่นักเรียนใช้เป็นที่นั่งเล่น

ข้อที่ 2 เรื่องเปลี่ยนสีโรงเรียน ได้รับคำตอบว่ายังไม่ได้ดำเนินการ และอ้างว่าได้สอบถามผู้อำนวยการคนเดิมและคุณครูเก่าว่าสีที่แท้จริงของโรงเรียนเป็นสีแดงเลือดนก จึงต้องการเปลี่ยนสีตามที่สอบถามจากครูผู้อาวุโส ทั้งนี้ โรงเรียนตั้งมา 56 ปี มีศิษย์รุ่นก่อนๆ บอกว่าสีที่ใช้คือสีแดงเลือดหมู ไม่ใช่สีแดงสดเหมือนสีแดงเลือดนก ผอ.มาอยู่ไม่กี่ปีจะเปลี่ยนสิโรงเรียนตามอำเภอใจ และมีการสั่งตัดธงสีมาแล้วแต่ยังไม่ได้นำมาใช้เพราะนักเรียนร้องเรียน

 

 

ข้อที่ 3 เรื่องค่าแรงการติดตั้งเครื่องเสียงในโดมอเนกประสงค์แพงเกินความเป็นจริง โรงเรียนอ้างว่าทำเรื่องประมาณการแต่ยังไม่ได้เบิก ความเป็นจริงงานอาคารสถานที่ขออนุมัติค่าแรงติดตั้ง 93,900 บาท ผอ.อนุมัติแล้วเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 แต่พวกเราเรียกร้องให้ตรวจสอบก็เปลี่ยนแปลงราคาใหม่ ขอเบิก 69,000 บาท เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 ซึ่งอนุมัติโดยรอง ผอ. ถ้าพวกเราไม่เรียกร้องให้ตรวจสอบเงินส่วนต่าง จำนวน 24,600 บาท จะไปอยู่ที่ใคร

 

ข้อที่ 4 เรื่องการเทคอนกรีตบริเวณทางเข้าประตู 1 บริเวณข้างโดมหน้าอาคารอุตสาหกรรม โดยอ้างว่าได้ขออนุมัติจากกรรมการสถานศึกษา โดยใช้งบเหลือจ่ายจากปี 2565 แต่การเทคอนกรีตดังกล่าวไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง อนุมัติ แต่ไม่มีโครงการรองรับ การเทก็เรียกผู้รับเหมามาเทโดยไม่มีการประมาณการ ไม่มีการกำหนดขนาดเหล็กที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่การเงินและพัสดุไม่ทำเรื่องเบิกจ่ายให้ ผอ.และรอง ผอ.บอกว่าจะให้ทำเรื่องบริจาคจากบุคคลภายนอก แต่ความเป็นจริงงานเสร็จนานแล้วแต่ยังไม่มีการเบิกจ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

 

ข้อที่ 5 เรื่องโครงการจากกลุ่มสาระต่างๆ อ้างว่าผู้บริหารมีอำนาจในการตรวจสอบเรื่องต่างๆ ให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ความเป็นจริง ผอ.ใช้ปากกาขีดเขียนให้แก้ไขเอกสาร โครงการ ทั้งวิสัยทัศน์ สพฐ. รวมทั้งข้อความต่างๆ จนเกิดความล่าช้า และไม่ได้รับการจัดสรร โดยไม่อนุมัติให้ดำเนินการหลายโครงการ เช่น โครงการไม้ไอศกรีม ไม่เห็นชอบวิทยากรที่ผู้รับผิดชอบโครงการจัดหามา

 

ข้อที่ 6 เรื่องเบิกเงินสดไปใช้ส่วนตัว ได้รับคำตอบคือโรงเรียนมีเงินสวัสดิการที่เบิกใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน ความจริงเบิกเป็นเงินสด 10,000 บาท เพื่อใช้รับรองผู้บริหาร แต่มีผู้บริหารไม่กี่คนที่ไปกินข้าวที่ร้านลาบสุรวิทย์ ข้างสะพานลอย บขส. ไม่ได้ไปที่โรงเรียนน้ำยืนวิทยา ตามคำกล่าวอ้าง

 

ข้อที่ 7 เรื่องเตรียมจัดซื้อรถตู้ คำตอบคือยังไม่ได้ดำเนินการจัดซื้อ ข้อแย้งคือขออนุมัติกรรมการสถานศึกษาไว้แล้วว่าเงินที่จะได้จากการประมูลสหกรณ์แต่อย่างใด เงินที่ได้จะต้องนำมาใช้ตามระเบียบการเงินพัสดุ ไม่ใช่ขออนุมัติจากกรรมการสถานศึกษาอย่างเดียว

ข้อที่ 8 เรื่องย้ายพุทธสถาน แจ้งว่า คณะกรรมการสถานศึกษาอนุมัติแล้ว ความจริงในการประชุมประจำเดือนครูและบุคลากรได้มีการอภิปรายคัดค้าน แต่ ผอ.ไม่ฟังและยังเตรียมการขนดินมากองเตรียมดำเนินการแล้ว เมื่อนักเรียนร้องเรียนจึงไม่ดำเนินการ

 

ข้อที่ 9 เรื่องเงินรายได้จากการประมูลสหกรณ์ร้านค้าและการประมูลแม่ค้าในโรงอาหาร แจ้งว่าเอา เงินเข้าบัญชีรายได้โรงเรียน แต่ความเป็นจริงไม่ได้เอาเงินเข้าระบบ ปี 2563-2564 ประมูลสหกรณ์ร้านค้า ปีละ 1,400,000 บาท รวมเป็นเงิน 2,800,000 บาท ปี 2563 ได้รับเงินจากการประมูลร้านค้าในโรงอาหาร เป็นเงิน 1,201,009 บาท ปี 2564 ได้รับเงินจากการประมูลร้านค้าในโรงอาหาร 200,000 บาท ปี 2565 ได้รับเงินจากการประมูลร้านค้าในโรงอาหาร 800,000 บาท เงินจำนวนดังกล่าวเป็นรายได้สถานศึกษา ต้องนำมาใช้ในงาน โครงการต่างๆ ตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ปี 2560 แต่ ผอ.ไม่ได้เอาเข้าระบบ แต่กลับเอาเก็บไว้ใช้จ่ายส่วนตัวโดยให้รอง ผอ.งานอาคารสถานที่ขอเบิก แต่นำมาใช้ส่วนตัว เช่น กรณี เลี้ยงรับรองคณะผู้บริหารประชุมที่โรงเรียนน้ำยืนวิทยา

 

ข้อที่ 10 เรื่องเก็บเงินค่าจ้างครูชาวต่างชาติ แจ้งว่า โรงเรียนได้จ้างแล้ว ความจริงแล้วเงินค่าจ้างครูต่างชาติเก็บทุกเทอม เทอมละ 400 บาท ปีการศึกษา 2563 และปีการศึกษา 2564 ไม่ได้เรียน เพราะโรงเรียนจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เงินที่เก็บไปไหน และในปีการศึกษา 2565 ยังเก็บเหมือนเดิม

 

ข้อที่ 11 เรื่องส่งสื่อลามกในกลุ่มไลน์ต่างๆ ได้รับคำตอบว่าเป็นการกระทำโดยความพลั้งเผลอด้วยระบบโทรศัพท์ โดยไม่ได้ตั้งใจ ความเป็นจริง ผอ.ป่วยทางจิต ไม่สามารถควบคุมตนเอง ส่งภาพลามก อนาจาร เข้ากลุ่มไลน์ต่างๆ คือกลุ่มครูในโรงเรียน มีครูทักถามแต่ก็ไม่ได้ลบ และอีกกลุ่มซึ่งมีสมาชิกเป็นครูและนักเรียนโรงเรียนอื่นในจังหวัดอุบลราชธานี

 

ข้อที่ 12 เรื่องเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารโรงเรียน อ้างว่ารอง ผอ.ที่เปลี่ยนไม่มีความสามารถในการทำงาน และไม่ถูกกับนักการภารโรง เกรงว่าจะเกิดปัญหา โครงสร้างบริหารโรงเรียนได้ทำตามสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ การจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างงานโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดความเสียหาย เช่น การอนุมัติติดตั้งเครื่องเสียง รอง ผอ.ก็ลงนามอนุมัติเอง

 

ข้อที่ 13 เรื่องร้องเรียนรองผู้อำนวยการที่มีหนังสือร้องเรียนว่ามีการทุจริต แจ้งว่าข้อร้องเรียนเป็นหนังสือจากระบบอิเล็กทรอนิคส์ ไม่มีการลงชื่อ และเมื่อไม่นานมานี้เพจอุบลปลดแอก และเพจตอนไหนจะจบ ถ่ายรูปรอง ผอ.และคณะนั่งดื่มในสถานศึกษา และรอง ช. กับนาย ว.ได้ไปแจ้งความเอาผิดนักเรียนที่ถ่ายรูป

 

พวกเราสงสัยว่า ผอ. ผู้มีอำนาจในโรงเรียนไม่ยอมแต่งตั้งกรรมการสีบหาข้อเท็จจริงที่มีการร้องเรียนใน 6 กรณี ดังกล่าวเพื่อความสง่างาม และรักษาชื่อเสียงโรงเรียน เพราะข้อร้องเรียนต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับบุคลากรในโรงเรียน แม้จะผ่านระบบใดๆ ก็ต้องมีการสืบหาข้อเท็จจริงให้ผู้ถูกร้องได้รับความเป็นธรรม แต่ ผอ.เพิกเฉย ไม่ตรวจสอบทีมตนเอง

 

และข้อที่ 14 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสถานศึกษาที่มีคุณสมบัติไม่ถูกต้อง โดยอ้างว่าเป็นความผิดพลาดของรอง ผอ. ความเป็นจริงครั้งแรกแต่งตั้งถูกต้องคือนายปรมินท์ สารพันธ์ แต่ท่านลาออกไปทำงานที่อื่น ไม่มีเวลา และได้แต่งตั้งนายเดซา สุมาทา แทน ในฐานะศิษย์เก่า แต่นายเดชาไม่ใช่ศิษย์เก่า เป็นคนที่มาค้าขายใน อ.เดชอุดม ร้านสูทไฮโช และท่านประธานคณะกรรมการสถานศึกษาก็เข้าข่ายผิดคุณสมบัติ เพราะท่านมีส่วนได้เสียกับโรงเรียน เช่น โรงเรียนได้ซื้อวัสดุอุปกรณ์โดยใช้เครดิตกับร้าน นอกจากนี้ ยังมาประมูลสหกรณ์ร้านค้าโรงเรียน แต่เอาชื่อคนอื่นมาประมูล แต่ท่านก็มานั่งขายของทุกวัน โดย ผอ.ไม่มีการตรวจสอบแต่อย่างใด

 

หลังจากมีการร้องเรียน โรงเรียนได้เปลี่ยนนายเดชากลับคืนเป็นนายปรมินท์ เราเห็น ผอ.แต่งตั้งโดยไม่มีการตรวจสอบคุณสมบัติตามระเบียบ และเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลดังกล่าว

 

ข้าพเจ้าและคณะจึงขอให้ท่านผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ได้สอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และขอให้ย้าย ผอ.และรอง ผอ.เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียในการสืบสวน เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อร้องเรียน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง