รีเซต

"เศรษฐา" ลุยอีสาน ชาวบ้านทวงถามเงินดิจิทัลฯ

"เศรษฐา" ลุยอีสาน ชาวบ้านทวงถามเงินดิจิทัลฯ
TNN ช่อง16
29 มิถุนายน 2567 ( 15:59 )
24
"เศรษฐา" ลุยอีสาน ชาวบ้านทวงถามเงินดิจิทัลฯ



 

  วันที่ 29 มิถุนายน 2567  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช. มหาดไทย   ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมลงพื้นที่ โดยเฉพาะนายอนุทิน ได้นำ สส.ในพื้นที่ และ สส.จังหวัดใกล้เคียง มาร่วมให้การต้อนรับนายกฯ และลงพื้นที่ร่วมด้วย 

โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ไปติดตามโครงการก่อสร้างแยกต่างระดับคำน้ำแซบ ที่แยกคำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดและลดอุบัติเหตุบริเวณดังกล่าว  ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่มารอให้การต้อนรับ โดยเฉพาะกลุ่มสตรีวารินชำราบ ได้นำผ้าขาวม้ามามอบให้กับนายกฯ และ รมต. จากนั้น นายกฯ เดินทางต่อไปที่ศาลาประชาคมบ้านผึ้งออก ต.โนนผึ้ง อ.วารินชําราบ จ.อุบลราชธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ สั่งการเตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัย และพบปะประชาชน โดยจุดนี้มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมลงพื้นที่หลังเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้ทักทายประชาชนที่มาต้อนรับ และแวะซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล (ลอตเตอรี่) ที่แม่ค้านำมาขาย หลังโอดครวญว่าช่วงนี้ขายไม่ค่อยดี โดยนายกรัฐมนตรีตั้งใจจะซื้อหมายเลข 27 ซึ่งตรงกับเลขทะเบียนรถในการลงพื้นที่ คือรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด ทะเบียน 8กผ 1127 กรุงเทพมหานคร แต่ปรากฏว่าแผงดังกล่าวไม่มี จึงให้คณะทำงานเป็นคนจัดการ โดยระบุว่าเลือกหมายเลขอะไรก็ได้เพราะไว้ใจ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีรับฟังปัญหาในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาการเกิดอุทกภัย โดยเฉพาะที่ลำห้วยน้ำจาง เป็นลำห้วยขนาดเล็กกว้าง 8 เมตร ยาว 6 กิโลเมตร  ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาตื้นเขิน ในช่วงฤดูแล้งไม่สามารถเก็บกักน้ำได้ และในฤดูน้ำหลากจะมีน้ำไหลบ่าจากห้วยลำผับ ที่ไหลมาจาก อ.สำโรง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในบางปี จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหา เพื่อเตรียมการป้องกันการเกิดอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งกรมชลประทาน และกรมพัฒนาที่ดิน โดยหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ โครงการชลประทานอุบลราชธานี และสถานีพัฒนาที่ดินอุบลราชธานี ได้ร่วมกันจัดทำแผนงาน/โครงการ เพื่อขุดลอกลำห้วยจัดทำเป็นแก้มลิง ฝ่ายกักเก็บน้ำ พร้อมระบบกระจายน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยวันนี้จะเสนอโครงการเพิ่มเติม จำนวน 16 แห่ง งบประมาณ 410 ล้านบาท

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สอบถามเรื่องปริมาณและสถานการณ์น้ำในปีนี้ของ จ.อุบลราชธานี จะเยอะกว่าปีที่แล้วหรือไม่ และกำชับว่าเมื่อปีที่แล้วน้ำไม่ท่วม ปีนี้น้ำก็ต้องไม่ท่วมขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวยืนยันว่า "ปีนี้เอาอยู่" ต่อมานายกรัฐมนตรีได้มอบพันธุ์ปลา จำนวน 120,000 ตัว ให้กับประชาชนในพื้นที่ และมอบพันธุ์โค-กระบือเพื่อการเกษตร ตามพระราชดำริ จำนวน 60 ตัว มูลค่า 1,680,000 บาท แล้วจึงให้อาหารวัว

นายกรัฐมนตรี กล่าวกับประชาชน พร้อมแนะนำรัฐมนตรีที่ร่วมลงพื้นที่ ว่า พี่น้องคงรู้ว่ารัฐบาลนี้เป็นปึกแผ่น มีรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีจากทุกพรรค ขาดพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พรรคเดียว ที่มาวันนี้เห็นความสำคัญของปัญหาพี่น้องชาวอุบลราชธานีครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกษตรกร ซึ่งวันนี้ได้มีการมามอบโค กระบือ และพันธุ์ปลา รวมถึงปัญหาของน้ำ ถือเป็นเรื่องใหญ่สุดสำหรับชาวอุบลราชธานี เรื่องของถนน ช่วงเช้าได้ไปดูการก่อสร้างถนน เพื่อลดอุบัติเหตุทำให้การจราจรไหลลื่นมากยิ่งขึ้น และเมื่อวาน (28 มิถุนายน 2567) ได้ดูเรื่องวัฒนธรรมการท่องเที่ยว การหล่อเทียนแห่เทียนพรรษา หากเป็นไปได้จะกลับมาอีกในวันที่ 20-21 กรกฎาคม 2567 เข้าใจว่าเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่มาก มีคนมาเป็นแสนคน และมีชาวต่างชาติมาด้วย จึงอยากจะสนับสนุนให้เป็นหมุดหมายสำคัญของการท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่เกิดความภาคภูมิใจของชาวอุบลราชธานี

"เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วปัญหาใหญ่ของ จ.อุบลราชธานี นอกเหนือจากปัญหาเรื่องยาเสพติดแล้ว รัฐบาลได้มีการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง โดยเมื่อวานนี้ได้เดินทางไป จ.ร้อยเอ็ด และจะทำให้เป็นจังหวัดสีขาวให้ได้ภายในสิ้นเดือนกันยายน และเราจะมาเอานโยบายและหลักการทำงานมาทำให้ จ.อุบลราชธานี เป็นจังหวัดสีขาวในโอกาสต่อไป"

อีกเรื่องที่สำคัญที่มาที่นี่ ซึ่งได้มา 2 ครั้งแล้ว ระหว่างนี้ได้มีการพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับน้ำท่วมที่ท่วมแล้วท่วมอีก และน้ำแล้งที่ จ.อุบลราชธานี และจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างทั้งหมด เรารู้หากมีท่วม มีแล้ง เศรษฐกิจก็ไม่ดี พี่น้องก็เดือดร้อน รัฐบาลสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ วันนี้เรามีนโยบายระยะสั้นกลางยาวครบวงจร ทำให้ จ.อุบลราชธานี และอีสานตอนล่างจะไม่ท่วมไม่แล้งตลอดไป ทั้งนี้ ปีที่แล้วถือเป็นปีแรกของหลายๆ ปี ซึ่งปริมาณน้ำไม่ท่วม ถึงท่วมก็ท่วมน้อยกว่าปีอื่น และเป็นปีแรกที่เราไม่ได้มาใช้เงินอย่างเดียว แต่มีการใส่ใจ จึงให้ ร.อ.ธรรมนัส และอธิบดีกรมชลประทาน สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญก่อนจะถึงหน้าฝนใหญ่เดือนตุลาคม ซึ่งจะมีการปล่อยน้ำ ต้องบริหารจัดการน้ำก่อนทำให้ จ.อุบลราชธานี น้ำไม่ท่วมหรืออาจจะมีท่วมบ้างก็ต้องเล็กน้อย ถือเป็นความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนของภาครัฐบาลที่มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทุกคนเป็นที่ตั้ง

ต่อมาเวลา นายเศรษฐา พร้อมคณะ เดินทางต่อมายัง จ.ศรีสะเกษ โดยจุดแรกไปยังที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ เพื่อรับฟังปัญหาของครอบครัวผู้ติดยาเสพติด และเป็นประธานการประชุมติดตามประเด็นยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ โดยมี นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ สส.ศรีสะเกษ เขต 4 พรรคเพื่อไทย ร่วมต้อนรับ โดยเมื่อมาถึงประชาชนได้ผูกผ้าขาวม้าให้การต้อนรับ ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็เดินทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง ก่อนรับเรื่องร้องเรียนต่างๆ ของพื้นที่ เช่น ปัญหาน้ำ ราคาทุเรียนภูเขาไฟ ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน จากนั้นรับฟังปัญหาของครอบครัวผู้ติดยาเสพติด และเป็นประธานการประชุมติดตามประเด็นยาเสพติดในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ โดย นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวรายงาน

ในการนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายในที่ประชุม ว่า จากการรับฟังตัวเลขยาเสพติด รู้สึกเป็นห่วง เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ ต้องขอบคุณทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ สาธารณสุข การปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่ช่วยกันดูแลเรื่องนี้ ส่วนเรื่องของงบประมาณเป็นเรื่องหนึ่ง เรื่องการใส่ใจก็ถือเป็นอีกเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เรื่องที่เราสามารถทำให้ผู้ที่เคยเสพและไม่กลับไปอีก 92% ถือเป็นตัวเลขที่ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากให้ตัวเลขนี้เป็น 100% เรื่องเหล่านี้สำคัญ ซึ่งเมื่อวานนี้ได้เดินทางไป จ.ร้อยเอ็ด อยากให้เป็นจังหวัดสีขาวทั้งหมด จะไม่มีผู้เสพยาเสพติดหรือติดยาเสพติด หาก จ.ร้อยเอ็ด ทำสำเร็จ ก็จะเอาโมเดลนี้มาทำในทุกพื้นที่

ส่วนเรื่องการเกษตร เรื่องน้ำ เรื่องการท่องเที่ยว ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะศรีสะเกษเป็นจังหวัดที่ใหญ่ มีศักยภาพสูง แต่เรื่องเหล่านี้จะไม่ดีเลยถ้ายังมีพี่น้องติดยาเสพติดอยู่เยอะ ถือเป็นปัญหาระดับชาติ ซึ่งตอนนี้ได้มีการยกระดับเรื่องนี้ขึ้นมาให้มีการแก้ไขกันอย่างตรงไปตรงมาและถูกต้องที่สุด ฉะนั้น เรื่องการแก้ไขด้านคมนาคม ด้านการเกษตรทั้งหลาย ถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่มาก่อนก็ต้องเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด ต้องขอบคุณ นพ.ภูมินทร์ ที่ช่วยดูแลลงพื้นที่อย่างหนัก และประสานงานกับทุกฝ่ายเพื่อนำความทุกข์ร้อนของประชาชนมาแก้ไขกัน วันนี้มากันครบ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ ขอให้ช่วยกันดูแลเรื่องนี้และแก้ไขให้ดี

ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินเยี่ยมชมบูธต่างๆ รวมถึงบูธทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ โดยประชาชนได้มอบทุเรียนและกล้วยหอมให้พร้อมบอกว่า ให้กล้วย จะได้ทำอะไรกล้วยๆ โดยนายกรัฐมนตรียังได้ชิมทุเรียนภูเขาไฟด้วย ส่วนบรรยากาศในจุดนี้ มีประชาชนถือป้ายรอต้อนรับ มีข้อความ อาทิ ขอบคุณนายกฯ และรัฐบาลที่ทำให้ราคายางพาราสูงขึ้น, เป็นกำลังใจให้ท่านนายกฯ เศรษฐาสู้ๆ, หมู่เฮาฮัก นายกฯ เศรษฐา ฮักพรรคเพื่อไทย, ปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาดด้วยเด้อ, เงินดิจิทัล 10,000 บาทจะได้กี่โมง เป็นต้น ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่ามีประชาชนทวงถามถึงเงินดิจิทัล โดยนายกฯ กล่าวตอบว่า ไตรมาส 4 สิ้นปี.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง