HFTมาร์จิ้นโดดครึ่งหลัง ยาง2ล้อฮอตจ่อเพิ่มราคา

#HFT #ทันหุ้น – HFT เปิดปฏิบัติการเพิ่มมาร์จิ้น ชี้ตลาดยางจักรยานได้รับความนิยมต่อเนื่อง ผลพวงมาตรการยุโรปหนุน แต่ไตรมาสแรกปรับเพิ่มราคาไม่ทันต้นทุนที่สูงขึ้น เจรจาเพิ่มราคาสินค้าครึ่งปีหลังแล้ว 8-12% พร้อมเพิ่มกำลังผลิตสู่เกือบเท่าตัว 5.5 หมื่นเส้นต่อวัน มั่นใจมาร์จิ้นครึ่งหลังชดเชยครึ่งปีแรก เดินหน้าขยายตลาดยางมอเตอร์ไซค์ และอีวี
นายจวง จื้อ เหยา รองประธานกรรมการ บริษัท ฮั้วฟงรับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ HFT เปิดเผยผ่านรายการทันหุ้นทันเกมว่า สถานการณ์ความต้องการยางรถจักรยานยังคงมีอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน แต่ไม่กระทบต่อกำลังซื้อ เนื่องจากยุโรปยังคงให้การอุดหนุนการใช้รถจักรยานและอีไบค์อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่ต้นทุนราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประชาชนหันมาใช้อีไบค์เพื่อการเดินทางกันมากขึ้น ปัจจุบันกำลังการผลิตยางรถจักรยานของบริษัทขณะนี้เต็ม 100%
ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องจาก 3.5 หมื่นเส้นต่อวัน ช่วงปลายปี 2564 โดยล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.8 หมื่นเส้นต่อวัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.5หมื่นเส้นต่อวัน ในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งเป็นกำลังการผลิตที่รองรับกับออเดอร์ในปี 2566แล้ว โดยบริษัทจะรักษากำลังการผลิตในระดับนี้ไว้ก่อน และจะพิจารณาสถานการณ์ในปี 2567ก่อนที่จะตัดสินใจในด้านกำลังการผลิตเพิ่มเติมต่อไป
@ ปรับขึ้นราคา 8-12%
นายจวง จื้อ เหยา ยอมรับว่า ออเดอร์ยางจักรยานที่ล้น ทำให้บริษัทไม่จำเป็นต้องดำเนินการด้านการตลาดยางรถจักรยานแล้ว และบริษัทกำลังอยู่ในช่วงการเจรจากับลูกค้าที่จะปรับราคาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังอีก 8-12% ตามต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งราคาพลังงาน และวัตถุดิบ ซึ่งในส่วนของยางจักรยานนั้นลูกค้าเข้าใจและยินดีที่จะให้ปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยไม่มีผลกระทบในด้านของออเดอร์ เนื่องจากคู่แข่งต่างก็ปรับเพิ่มราคาขึ้นตามต้นทุน
ส่วนธุรกิจยางรถมอเตอร์ไซค์การขึ้นราคาอาจจะมีผลกระทบบ้าง แต่บริษัทจะใช้ทีมงานการตลาดยางจักรยาน มาทุ่มกำลังร่วมขยายตลาดยางมอเตอร์ไซค์ โดยจะเจาะตลาดมอเตอร์สปอร์ตมากขึ้น ซึ่งจะมีมาร์จิ้นและราคาขายที่สูงกว่า ประกอบกับ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับยางมอเตอร์ไซค์ที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ยางล้อรถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่มียางใน หรือ Tubeless ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนการผลิตในกลุ่มยางมอเตอร์ไซค์ 20% วางเป้าให้เพิ่มขึ้นปีละ 10%โดยผลิตภัณฑ์ Tubeless มีราคาขายที่สูงกว่ายางมอเตอร์ไซค์ปกติเท่าตัว
@ครึ่งปีหลังมาร์จิ้นสูง
ทั้งนี้การปรับเพิ่มขึ้นราคานั้นจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัททั้งปีกลับไปสู่ในระดับ 20-24% ได้ ซึ่งที่ผ่านมาไตรมาส 1บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 16% เป็นจุดต่ำสุด เหตุเพราะปรับเพิ่มขึ้นราคาไม่ทันต้นทุนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดีบริษัทได้ปรับเพิ่มขึ้นบ้างในไตรมาส 2แล้ว ซึ่งจะทำให้ไตรมาส 2 มีมาร์จิ้นที่ดีกว่าไตรมาส 1 และในช่วงไตรมาส 3 และ 4 จะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงมาก เนื่องจากเป็นการปรับเพิ่มราคาในช่วงที่ต้นทุนทุกอย่างพีคแล้ว และมีแนวโน้มลง ดังนั้นมีโอกาสจะเกิน 24%เพื่อที่จะเฉลี่ยให้ทั้งปีมีอัตรากำไรขั้นต้นยู่ในระดับ 22-24%
"ขณะนี้เราเห็นสัญญาณบางอย่างในด้านของต้นทุนที่มีโอกาสลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง แต่บริษัทจะต้องปรับเพิ่มขึ้นราคาเพื่อชดเชยกับมาร์จิ้นที่ลดลงในช่วงไตรมาส 1 ดังนั้นมาร์จิ้นในช่วงไตรมาส 3-4มีโอกาสสูงมาก แต่จะเป็นเฉพาะปีนี้เท่านั้น จึงยืนยันผลประกอบการไตรมาส 1 นับเป็นจุดต่ำสุดแล้วในปีนี้ และมาร์จิ้นจะปรับเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 และจะสูงมากขึ้นในไตรมาส 3-4เพราะเรากำลังเจรจาที่จะปรับเพิ่มราคาอยู่ แต่ก็เห็นสัญญาณต้นทุนที่จะถูกลง"
@รุกมอเตอร์ไซค์อีวี
ส่วนการเดินหน้าธุรกิจมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านั้น ขณะนี้กำลังเจรจากับพันธมิตร ซึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจจะเป็นการให้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าฟรี โดยจ่ายค่าดูแลบำรุงรักษารายเดือน ซึ่งมองว่าคุ้มค่าเนื่องจากบริษัทจะดูแลชาร์จไฟฟ้า เปลี่ยนแบต ดูแลบำรุงรักษาให้ ซึ่งทำให้ลูกค้าที่รับรถมอเตอร์ไซค์ไปไม่มีค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ โดยเฉพาะช่วงที่ราคาน้ำมันแพง
ยอดนิยมในตอนนี้
