รีสอร์ตผุด 'ภูทับเบิก' 300 แห่ง 'พ.อ.พงษ์เพชร' แฉ จนท.ใส่เกียร์ว่าง ปล่อยคนมาถอนทุน

เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. กล่าวถึงกรณีพื้นที่ภูทับเบิก กลับมามีกระแสถูกกลุ่มทุนและผู้บุกรุกรายใหม่ บุกรุกยึดครองพื้นที่พร้อมผุดรีสอร์ตเป็นจำนวนมากว่า จริงๆในการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ภูทับเบิกตั้งแต่ปี 2558 ได้รับการแก้ไขจนเกือบจะเรียกได้ว่าสุดๆแล้ว ทำกันถึงขนาดว่าบังคับใช้กฎหมายถึงขั้นการรื้อถอน หากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดำเนินการอย่างจริงจัง และตามอำนาจหน้าที่ รวมทั้งปฏิบัติตามแผนแม่บทแก้ปัญหาภูทับเบิก ถ้าทุกฝ่ายจริงใจในการแก้ปัญหาเชื่อว่าก็น่าจะจบ แต่สาเหตุที่ปัญหาการบุกรุกพื้นที่กลับมาอีก และดูค่อนข้างจะรุนแรงมากกว่าเดิม เนื่องเพราะการปล่อยปละละเลยหรือการใส่เกียร์ว่างของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งนอกจากปัญหาไม่จบแล้ว ยังทำให้เกิดปัญหางอกเงยขึ้นมาใหม่อีกเพียบ
“ทุกวันนี้หากย้อนกลับไปมองในอดีตจะเห็นว่า หลังจากที่เราทุ่มเท ทั้งกำลังเจ้าหน้าที่และงบประมาณลงไป เพื่อแก้ปัญหาภูทับเบิก มีการทุบรื้อจนกระทั่งเหลือรีสอร์ตเพียงไม่กี่แห่ง ในขณะที่สภาพแวดล้อมในบางแห่งเริ่มได้รับฟื้นฟู กระทั่งเริ่มฟื้นคืนมาได้บ้างแล้ว แต่พอมาช่วงต้นปี 2565 ผมมีโอกาสขึ้นไปทำงานด้านการข่าวบนภูทับเบิก เห็นแล้วก็น่าตกใจและใจหายเนื่องจากพบว่า มีรีสอร์ตกำลังเร่งก่อสร้างกันขนานใหญ่ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐหรือใครเข้าไปทำอะไรเลย จนทำให้ระยะเวลาแค่ 4-5 ปี กลับกลายเป็นว่ามีรีสอร์ตผุดใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 300 แห่ง” พ.อ.พงษ์กล่าว
พ.อ.พงษ์เพชรกล่าวอีกว่า ตนได้พยายามส่งข้อมูลเหล่านี้ให้ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ โดยเฉพาะทาง สจป.ที่ 4 สาขาพิษณุโลก ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่เพชรบูรณ์ และศูนย์ป่าไม้เพชรบูรณ์รวมทั้งฝ่ายปกครองในพื้นที่ ซึ่งส่งข้อมูลให้หมด ก็น่าเสียดายว่านอกจากไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดสนใจจะแก้ปัญหา ในทางตรงกันข้ามยังปล่อยให้มีการบุกรุกผุดรีสอร์ตขึ้นใหม่กันอีกเพียบ
จนวันนี้ก็ยังพบมีการก่อสร้างอาคารที่พักรีสอร์ตกันไม่หยุดหย่อน แม้แต่ช่วงโควิดที่ผ่านมาก็ไม่มีหยุด และช่วงนี้จะเริ่มเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวยิ่งเร่งก่อสร้างกันมาก ตนก็ได้รับแจ้งค่อนข้างบ่อย ก็พยายามส่งข้อมูลให้ทาง สจป.ที่ 4 บางเคสก็ได้รับตอบสนองบ้าง แต่ในภาพรวมแล้วถือว่าไม่ได้ผล ทำให้กลุ่มทุนได้ใจเพราะรู้ว่าเจ้าหน้าที่ใส่เกียร์ว่าง จึงฝ่าฝืนดำเนินการโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งก็น่าแปลกใจกระทั่งถูกชาวบ้านตั้งข้อสังเกตุว่า เจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า
พ.อ.พงษ์เพชร ยังกล่าวถึงกรณีที่นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ เตรียมหารืออธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อจะเปิดยุทธการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ภูทับเบิกอีกครั้งว่า ก็เห็นดีด้วยส่วนจะถามว่าช้าไปหรือไม่ ก็ดีกว่าไม่ทำอะไร ถ้าทำตอนนี้ก็อย่างที่บอกต้นเหตุปัญหาเกิดจากเจ้าหน้าที่ระดับพื้นที่หย่อนยานใส่เกียร์ว่าง ก็จำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางเข้ามาดำเนินการ หรือระดมจากทุกภาคส่วนเข้ามาดำเนินการ และเห็นด้วยกับนายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเข้าใจปัญหาภูทับเบิกเป็นอย่างดี เพราะในอดีตเคยร่วมปฏิบัติการทุบรื้อแก้ปัญหาภูทับเบิกมาด้วยกัน ที่จะขันน๊อตให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกวดขันตรวจจับผู้บุกรุกรายใหม่บนภูทับเบิก
“เวลานี้รีสอร์ตที่ผุดขึ้นใหม่กว่า 300 แห่ง มีทั้งผู้ประกอบการ หรือนายทุนชุดเดิม ที่เคยมาลงทุนและถูกรื้อถอนไปกลับเข้ามาถอนทุนคืนอีก กับอีกส่วนคนเดิมเอาไปขายเปลี่ยนมือให้นายทุนรายใหม่ ซึ่งเราตรวจสอบได้เพราะรถจนวัสดุก่อสร้างวิ่งขึ้นลงภูทับเบิกค่อนข้างมาก จนธุรกิจขายวัสดุก่อสร้างในพื้นที่เฟื่องฟู โดยขณะนี้แค่มองจากตีนดอยขึ้นไปจะเห็นว่า ตั้งแต่กลางดอยคือบริเวณบ้านน้ำเพียงดินยาวไปถึงยอดดอยภูทับเบิก จะเห็นแสงไฟสว่างไสวเพิ่มขึ้นมาก จนแลดูไม่แพ้เมืองใหญ่ๆขนาดย่อม” พ.อ.พงษ์เพชรกล่าว
หัวหน้าชุดปฎิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. กล่าวถึงเสียงสะท้อนถึงการเปิดปฏิบัติการที่ภูทับเบิก จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวว่า หากต้องการให้การท่องเที่ยวของ จ.เพชรบูรณ์เกิดความยั่งยืน โดยเฉพาะที่ภูทับเบิกซึ่งมีจุดขายเรื่องวิวทิวทัศน์ ทะเลหมอกและสภาพอากาศที่หนาวเย็น เพราะเป็นพื้นที่สูงและมีสภาพป่าต้นน้ำ แต่ ณ วันนี้นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งมาแล้วผิดหวังไม่อยากมาอีกเลย เนื่องจากสภาพที่เขาเคยเห็นภูทับเบิกก่อนมีการเปิดยุทธการปี 2553-2554 ยังเห็นทุ่งกระหล่ำปลีสีเขียวสุดลูกหูลูกตา แต่ปัจจุบันไปยืนตรงจุดไหนบนภูทับเบิก มองไปพื้นที่สีเขียวก็เฉพาะที่เป็นพื้นที่อุทยาน แต่ถ้ามองบนดอยจะเห็นสิ่งปลูกแถมเป็นสีลูกกวาดแทบเกือบหมด
“ผมถึงเปรียบเทียบแออัดเหมือนสลัม ซึ่งสภาพไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ แน่นขนัดจนถึงขนาดที่ผมเปรียบเปรยว่า เป็นสลัมที่สวยที่สุดในประเทศไทยต้อง ก็ต้องถามว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ทางภาครัฐพยายามแก้ปัญหาต้องการให้เข้าสู่การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน มีการจัดโซนนิ่ง การคัดกรองและกำหนดคุณสมบัติ ผู้ที่จะครอบครองทำประยชน์ในพื้นที่ภูทับเบิก แต่วันนี้นอกจากไม่มีการรักษากติกากันแล้ว ยังละเมิดกติกาโดยไม่หวั่นเกรงกฎหมายอีกด้วย ส่งผลให้ทรัพยากรที่มีจำกัดเวลานี้ถูกรุมทึ้งไปหมด แม้แต่น้ำเวลานี้ก็ถึงกับแย่งกันแล้ว และยังมีปัญหาสิ่งปฎิกูลต่างๆ ปัญหาขยะจากการท่องเที่ยว ปัญหาเหล่านี้นอกจากจะวนลูปกลับมาแล้ว ยังเพิ่มพูนสร้างปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้นอีก” พ.อ.พงษ์เพชรกล่าว
บทความน่าสนใจอื่นๆ
