2 คนร้ายขี่ จยย.ยิง 'คมบ้านเล' 8 นัด เสียชีวิตหน้าร้านน้ำชากลางหมู่บ้าน พบเคยเอี่ยวยาเสพติด
2 คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์กระหน่ำยิง ‘คมบ้านเล’ 8 นัดดับคาร้านน้ำชากลางหมู่บ้าน พบประเด็นเคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เร่งล่า 2 คนร้าย พบมีการโทรศัพท์ล่อออกมายิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น. เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ร.ต.อ.ขรรชัย แก้วทอง รอง สว.สอบสวน สภ.ควนมีด อ.จะนะ จ.สงขลา รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่หน้าบ้านหลังหนึ่งใน ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นร้านน้ำชาตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ศราวุธ เจี้ยงเต็ม ผกก.สภ.ควนมีด และตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนและฝ่ายปราบปราม
พบร่าง นายชูสิทธิ์ ขาวมณี อายุ 42 ปี หรือ คมบ้านเล ชาว ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา ถูกยิงเสียชีวิตนอนหงายอยู่หน้าร้านขายโรตี สวมเสื้อโปโลสีดำ นุ่งผ้าถุง ใส่รองเท้าแตะ และมีกระเป๋าคาดตัว มีบาดแผลถูกกระหน่ำยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าบริเวณลำตัว 8 นัด พบหัวกระสุนในตัว 2 หัว ปลอกกระสุนปืน 9 มม.ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 8 ปลอก ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นอกจากนี้ บนถนนฝั่งตรงข้ามกับร้านขายน้ำชายังมีรถยนต์กระบะ 4 ประตู สีเทา-ดำ ทะเบียน งจ 9075 สงขลา ของผู้ตายจอดอยู่
จากการสอบถามพยานแวดล้อมทราบว่า ขณะเกิดเหตุนายชูสิทธิ์ขับรถกระบะมาจอดเยื้องกับร้านน้ำชา และลงจากรถเดินมาซื้อโรตี ขณะยืนอยู่หน้าร้านในลักษณะหันหลังได้มีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบชนิดมาจอดบนถนนหน้าร้าน
คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ลงจากรถและเดินมาด้านหลัง เรียก “บัง บัง บัง” ก่อนจะชักอาวุธปืนออกมากระหน่ำยิงนายชูสิทธิ์ 8 นัดล้มลงเสียชีวิตคาที่ ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่นั่งดื่มน้ำชาอยู่ในร้านหลายคน ส่วนคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
รายงานข่าวระบุว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีโทรศัพท์เข้ามานัดแนะนายชูสิทธิ์ให้ออกไปพบที่หน้าร้านน้ำชาเพื่อพูดคุยเรื่องบางอย่าง นายชูสิทธิ์จึงออกไปพบกระทั่งถูกยิงเสียชีวิต โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นแผนลวงของคนร้ายที่ล่อ ให้นายชูสิทธิ์ออกไปพบ
ขณะเดียวกัน เมื่อตรวจสอบประวัติผู้ตายพบว่าเคยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก่อนหน้านี้เคยค้าใบกระท่อมอยู่แถวๆ ชายแดนไทย-มาเลเซียสมัยที่ใบกระท่อมยังผิดกฎหมาย และไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีเพื่อนที่อยู่ในทีมเดียวกันถูกจับยาบ้าด้วย
ตำรวจจึงมุ่งประเด็นไปที่ความขัดแย้งเรื่องยาเสพติด ขณะที่ทางการสืบสวนยังไม่พบประเด็นเรื่องการฆ่าล้างหนี้ที่มีบางกระแสออกมา เนื่องจากผู้ตายไม่ใช่คนในพื้นที่เกิดเหตุ และชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้จักและไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งชัดเจน ทราบเพียงว่ามีญาติที่มีเรือประมงอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ
ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดต่อญาติใกล้ชิดมาสอบสวนในเชิงลึก ทั้งเรื่องส่วนตัวและการงานว่ามีความขัดแย้งกับใครบ้าง รวมทั้งเร่งหาเบาะแสของคนร้ายทั้งสองคน