รีเซต

ออสเตรเลียขยายเวลาล็อกดาวน์ซิดนีย์ต่อ 14 วัน

ออสเตรเลียขยายเวลาล็อกดาวน์ซิดนีย์ต่อ 14 วัน
TNN World
15 กรกฎาคม 2564 ( 09:16 )
65

Australia: ออสเตรเลียประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์นครซิดนีย์ต่อไปอีกอย่างน้อย 14 วัน หลังจากใช้ยาแรงมากว่า 3 สัปดาห์แล้วยังไม่ได้ผล ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดยังคงพุ่งสูง

 


กลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประกาศวันนี้ (14 กรกฎาคม) ว่าจะคงมาตรการจำกัดทางสังคมอย่างเข้มงวดต่อไป จนถึงวันที่ 30 กรกฎาคมเป็นอย่างน้อย หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในซิดนีย์ยังคงพุ่งสูงถึง 97 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา 
แม้ออสเตรเลียจะใช้มาตรการล็อกดาวน์ในซิดนีย์มาแล้ว 3 สัปดาห์แล้ว แต่ทางการย้ำว่า จะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่บังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน ก็ต่อเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในชุมชนลดต่ำลงเกือบเป็นศูนย์

 

 

 

ในจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ 97 คนนี้ มีผู้ติดเชื้อจากในชุมชนทั้งหมด 24 คน ขณะที่ทางการประเมินว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ Delta อาจทำให้ยอดพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า

 

 


ซิดนีย์ ซึ่งมีประชากรประมาณ 5 ล้านคน ขยายเวลาล็อกดาวน์มาแล้ว 2 รอบ แม้ว่ายอดรวมผู้ติดเชื้อนับตั้งแต่พบผู้ป่วยรายแรกเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จะต่ำกว่า 900 คนก็ตาม ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิดแล้ว 2 คน ซึ่งถือเป็นกรณีแรกของออสเตรเลียในปีนี้

 

 


ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ ทางการสั่งปิดธุรกิจที่ไม่มีความจำเป็น ให้นักเรียนส่วนใหญ่เรียนออนไลน์อยู่บ้าน ด้านประชาชนทั่วไปได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านเมื่อมีธุระจำเป็น หรือเพื่อออกกำลังกายเท่านั้น

 

 


มีรายงานว่า บุคลากรด้านสาธารณสุขของซิดนีย์ต้องทำงานกันอย่างหนัก ในย่านแฟร์ฟิลด์ ประชาชนขับรถมาเข้าคิวรอตรวจโควิด-19 เป็นระยะหลายกิโลเมตร หลังภาครัฐออกกฎให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านดังกล่าว ต้องเข้ารับการตรวจโควิด-19 ทุก 3 วัน หากต้องออกไปทำงานนอกพื้นที่

 


ขณะนี้ รัฐนิวเซาท์เวลส์มีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั้งหมด 71 คน ต้องรักษาใน ICU 20 คน ในจำนวนนี้ 3 คน เป็นผู้ป่วยอายุ 20-30 ปี 

 

 


ล่าสุด มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในออสเตรเลีย 99 คน ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 31,431 คน และมีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1 คน ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 912 คน

 


อย่างไรก็ตาม โครงการฉีดวัคซีนต้านโควิดของออสเตรเลียค่อนข้างล่าช้า มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มไม่ถึง 10% ของประชากรทั้งหมด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง