เปิด จ.ม.อนุทิน เขียนถึงแอสตร้าฯ ขอวัคซีนให้คนไทยเดือนละ 10 ล้านโดส
ความคืบหน้ากรณีการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของประเทศไทย ที่รัฐบาลมีการเจรจาจัดซื้อเพื่อนำมาฉีดฟรีให้ประชาชน โดยยี่ห้อแอสตร้าเซนเนก้าจะเป็นวัคซีนหลัก แต่ล่าสุดมีกระแสข่าวว่ายอดการจัดส่งวัคซีนดังกล่าวไม่เป็นไปตามเป้าและแผนการฉีดปูพรม และรัฐบาลจะต้องเจรจากับบริษัทเพื่อขอเพิ่มยอดการจัดส่งนั้น
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2564 บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำจดหมายถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
โดยมีใจความระบุว่า ขอขอบคุณประเทศไทยที่ทำให้เกิดการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 อย่างกว้างขวาง ด้วยการผลิตวัคซีนแอสตร้าฯ ในประเทศไทยโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ และมีการตกลงกันว่า แอสตร้าฯ จะส่งวัคซีนให้กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตในประเทศไทย หรือราว 3 ล้านโดสต่อเดือน ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงร่วมกันตั้งแต่เดือนกันยายน 2563
ตอนท้ายของจดหมายระบุว่า บริษัท แอสตร้าฯ เชื่อว่าหากสามารถผลิตได้มากขึ้น ก็จะสามารถส่งวัคซีนให้กระทรวงสาธารณสุขได้เป็นเดือนละ 5-6 ล้านโดส ซึ่งเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อเดือนกันยายน 2563 ทั้งนี้ บริษัทแอสตร้าฯ อธิบายให้รัฐบาลไทยทราบถึงโอกาสที่จะตกลงซื้อวัคซีนเพิ่มผ่านโครงการโคแวกซ์ ควบคู่กันไปกับการตกลงซื้อโดยตรงกับทางบริษัท
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน นายอนุทินในฐานะรัฐมนตรีว่าการ สธ. ได้ส่งจดหมายตอบกลับถึงบริษัท แอสตร้าฯ โดยระบุว่า ขอบคุณทางบริษัท แอสตร้าฯ ที่ตั้งใจผลิตวัคซีนภายใต้นโยบายไม่หวังผลกำไร รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตวัคซีนมาสู่ผู้ผลิตในประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จ
แต่ในขณะนี้ประเทศไทยเผชิญกับภาวะวิกฤตการระบาดที่มากขึ้น และเพื่อการแก้ไขปัญหา เรามีความต้องการวัคซีนเพิ่มขึ้น โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความต้องการให้จัดหาวัคซีนให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 10 ล้านโดส เราจึงคาดหวังว่าจะได้รับปริมาณวัคซีนแอสตร้าฯ มากกว่า 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตที่ระบุไว้ในจดหมายจากบริษัทฯ หรือให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 10 ล้านโดส
ในจดหมายระบุอีกว่า นายอนุทินได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้กำกับการด้านกฎหมาย เพื่อมาเจรจาร่วมกับบริษัท แอสตร้าฯ เพื่อให้ได้ตามข้อเสนอดังกล่าว และหวังว่าจะเกิดข้อตกลงร่วมกัน