สตาร์เมอร์เผย จะปกป้องสหราชอาณาจักรจากพายุภาษีศุลกากร

เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะใช้กลยุทธ์อุตสาหกรรมในการ ‘ปกป้องธุรกิจของอังกฤษจากพายุภาษีศุลกากร’ หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเพิ่มภาษีศุลกากรใหม่
ในบทความที่เขียนสำหรับ Sunday Telegraph ระบุว่า เขาจะยังคงพยายามหาข้อตกลงทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีบางประเภท แต่ก็กล่าวถึงการแทรกแซงจากรัฐเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ บางคนอาจรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้ ความคิดที่ว่ารัฐควรแทรกแซงโดยตรงเพื่อกำหนดทิศทางของตลาดนั้นเคยถูกเยาะเย้ยมาแล้ว แต่เราคงไม่สามารถยึดติดกับความคิดเดิม ๆ ได้เมื่อโลกกำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้
สหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าต่ำสุดที่ 10% แต่รัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อเสริมสร้างพันธมิตรและลดอุปสรรคทางการค้า
นอกจากภาษี 10% แล้ว ยังมีภาษี 25% ที่ถูกเรียกเก็บกับการส่งออกรถยนต์จากสหราชอาณาจักร รวมถึงผลิตภัณฑ์เหล็กและอะลูมิเนียม
สตาร์เมอร์ยังบอกอีกว่า ในสัปดาห์นี้จะเร่งแผนที่จะพัฒนาความสามารถในการแข่งขันภายในประเทศ เพื่อให้เราน้อยลงในการเผชิญกับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจทั่วโลกเหล่านี้ พร้อมที่จะใช้กลยุทธ์อุตสาหกรรมเพื่อช่วยปกป้องธุรกิจของอังกฤษจากพายุนี้
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับผู้นำหลายคนทั่วโลกเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการตอบสนองต่อภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ เขาได้พูดคุยกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า สงครามการค้าไม่เป็นผลดีต่อใคร แต่ก็เห็นว่าควรไม่มีสิ่งใดที่ควรถูกตัดออก เขาจะใช้วิธีการที่มีสติในการตอบสนองต่อภาษีศุลกากรแทนที่จะตอบโต้ทันที แต่ก็ยืนยันว่าทุกทางเลือกยังคงอยู่บนโต๊ะ
สหราชอาณาจักรได้เผยแพร่รายการสินค้าจากสหรัฐฯ ยาวถึง 400 หน้า ที่อาจรวมอยู่ในมาตรการตอบโต้ภาษี โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธุรกิจ โจนาธาน เรย์โนลด์ส กล่าวกับสมาชิกรัฐสภาว่ารัฐบาลจะพิจารณาว่ามาตรการภาษีตอบโต้สินค้าจากสหรัฐฯ จะมีผลกระทบอย่างไรต่อธุรกิจในอังกฤษ
รายการนี้ครอบคลุม 27% ของการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยเลือกสินค้าที่จะมี "ผลกระทบจำกัด" ต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงธุรกิจและการค้ากล่าว
สหราชอาณาจักรส่งออกสินค้ามูลค่าเกือบ 6 หมื่นล้านปอนด์ หรือมากกว่า 2.6 ล้านล้านบาทไปยังสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องจักร รถยนต์ และเภสัชภัณฑ์ ทำให้สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจอังกฤษหลายพันแห่ง