วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประกาศ ผมจะเงียบลง ยอมรับถึงวัยและสุขภาพของตนเอง

วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับตำนาน วัย 95 ปี และผู้นำ Berkshire Hathaway มาอย่างยาวนาน ประกาศว่าเขาจะหยุดการเขียนจดหมายประจำปีอันเป็นสัญลักษณ์ของบริษัท หลังผ่านมาเกือบหกทศวรรษ ถือเป็นการปิดฉากหนึ่งในธรรมเนียมที่ทรงอิทธิพลที่สุดของบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกา
“ผมจะไม่เขียนรายงานประจำปีของ Berkshire อีกต่อไป หรือพูดอย่างยาวนานในการประชุมประจำปีแล้ว” บัฟเฟตต์เขียน พร้อมเสริมว่า “ถ้าพูดแบบชาวอังกฤษ ผมกำลังจะเงียบลง (I’m going quiet)”
ตามรายงานของ ET บัฟเฟตต์ระบุว่า เขาจะสื่อสารกับผู้ถือหุ้นผ่าน “สารวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving message)” ประจำปีแทน โดยมองว่านี่เป็นวิธีที่ช่วยให้เขา “ยังคงเชื่อมต่อกับกลุ่มผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นคนพิเศษมาก และมักแบ่งปันผลกำไรของตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเอื้อเฟื้อ”
บัฟเฟตต์ยืนยันว่า เกร็ก อาเบล (Greg Abel) รองผู้บริหารที่ทำงานกับเขามายาวนาน จะเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ในเดือนมกราคมนี้
“เกร็กจะกลายเป็นหัวเรือใหญ่เมื่อสิ้นปี เขาเป็นผู้จัดการที่ยอดเยี่ยม คนทำงานหนัก และสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา” บัฟเฟตต์เขียน โดยแสดงความมั่นใจอย่างเต็มที่ในผู้สืบทอดตำแหน่ง
อาเบลจะเป็นผู้ดูแลการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี และรับหน้าที่เขียนจดหมายประจำปีต่อจากบัฟเฟตต์ ขณะที่บัฟเฟตต์ยังคงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทต่อไป
ตามรายงานของสำนักข่าว AFP บัฟเฟตต์ระบุว่า เขาจะยังคงถือหุ้นคลาส “A” ซึ่งมีอำนาจโหวตมากกว่าหุ้น “B” ถึง 10,000 เท่า จนกว่าผู้ถือหุ้นจะ “รู้สึกสบายใจ” กับภาวะการนำของอาเบล
เขายังกล่าวด้วยว่า ลูก ๆ ของเขาและคณะกรรมการของ Berkshire ต่าง “สนับสนุนเกร็กเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์” ในบทบาทผู้นำคนใหม่ของบริษัท
ในน้ำเสียงที่สะท้อนความคิดและความเป็นส่วนตัวมากขึ้น บัฟเฟตต์ยอมรับถึงวัยและสุขภาพของตนเอง พร้อมพูดแบบติดตลกว่า แม้เขาจะเคลื่อนไหวได้ช้าลง และอ่านหนังสือยากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เขาก็ยังไปทำงานที่สำนักงานทุกวัน “ผมแก่ช้า…แต่เมื่อความแก่ปรากฏขึ้นแล้ว ก็ปฏิเสธมันไม่ได้” เขาเขียนไว้
จดหมายของบัฟเฟตต์ยังถ่ายทอดความรู้สึกขอบคุณต่อชีวิตและโชคชะตาที่มอบความมั่งคั่งให้กับเขา โดยย้อนเล่าถึงเหตุการณ์ภาวะไส้ติ่งอักเสบในวัยเด็กที่เคยทำให้เขาหวาดกลัว และกล่าวว่าเขาไม่เคยคาดคิดว่าจะมีชีวิตยืนยาวมาถึงวัย 95 ปี “ผมรู้สึกทั้งขอบคุณและประหลาดใจกับโชคชะตาที่ทำให้ผมยังมีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 95” เขาเขียน และเสริมว่า
“ว้าว! ขอบคุณนะ Lady Luck”
เขายังรำลึกถึง ชาร์ลี มังเกอร์ หุ้นส่วนธุรกิจผู้ล่วงลับของเขา ด้วยความรักและความซาบซึ้ง เรียกมังเกอร์ว่าเป็น “พี่ชายผู้ปกป้องคอยดูแล” และ “ครูที่เก่งกว่าผม”
นอกจากนี้ บัฟเฟตต์ยังย้ำถึงคำมั่นตลอดชีวิตด้านการทำงานการกุศล โดยระบุว่าการบริจาคของเขามีมูลค่ารวมมากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ส่งผ่านมูลนิธิเกตส์และกองทุนการกุศลของครอบครัว
ในจดหมายฉบับเดียวกัน บัฟเฟตต์ยังเตือนด้วยว่า ขนาดที่ใหญ่โตของ Berkshire อาจเป็นข้อจำกัดต่อการเติบโตในอนาคต “โดยรวมแล้ว ธุรกิจของ Berkshire มีแนวโน้มที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยอยู่พอสมควร…อย่างไรก็ตาม อีกสักสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้า จะมีหลายบริษัทที่ทำได้ดีกว่าเรา เพราะขนาดของเรามันเริ่มส่งผลแล้ว” เขาเขียนไว้ ตามรายงานของสำนักข่าว AP
เมื่อเขาเตรียมส่งต่อบทบาทผู้นำ บัฟเฟตต์ได้ทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ไว้เบื้องหลัง — การผสมผสานระหว่าง ปัญญา ความซื่อสัตย์ และผลงานด้านการลงทุนระยะยาวที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งทำให้ “เทพพยากรณ์แห่งโอมาฮา” กลายเป็นตำนานที่ก้องไกลเกินกว่าผนังของวอลล์สตรีท
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
