ปธ.กมธ.ที่ดิน แนะรบ. วาระเร่งด่วน ต้องทำให้คนไทยมีที่ทำกิน ไม่ใช้ให้ต่างชาติถือครอง
31 ตุลาคม นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กเพื่อคัดค้านร่างกฎกระทรวงอนุญาตให้คนต่างชาติถือครองที่ดินได้ไม่เกิน 1 ไร่ แลกกับนำเงินมาลงทุนในไทยอย่างน้อย 40 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้
“ประชาชนส่วนใหญ่ยังไร้ซึ่งสิทธิในที่ดิน รัฐยังจะให้สิทธิต่างชาติถือครองที่ดินในประเทศไทย”
ปัญหาเรื่องสิทธิในที่ดิน ถือเป็นส่วนหนึ่งของความเหลื่อมล้ำสำหรับสังคมไทยที่ยังแก้ไขไม่ได้ รัฐบาลเองก็ยังไม่มีแนวทางแก้ไขที่ชัดเจน ทั้งปัญหาการกระจุกตัวของที่ดินเอกชน ปัญหาที่ดินของหน่วยงานรัฐ 8กระทรวง 19กรม 3รัฐวิสาหกิจ มีที่ดินในการถือครองจำนวนมากและทับซ้อนกัน ที่สำคัญคือตลอดระยะ 8 ปี ที่มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เคยมีนโยบายทวงคืนผืนป่า ที่ออกโดย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. คำสั่งที่ 66/57 ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชน เกิดการไล่รื้อและขับไล่ประชาชนออกจากพื้นที่ ไร้ที่ดินทำกินและถูกดำเนินคดีจำนวนมาก
ประเทศไทยมีพื้นที่ทั้งหมด 320.70 ล้านไร่ อยู่ในความครอบครอง และดูแลของหน่วยงานต่างๆ จำนวนมาก เช่น
กรมที่ดิน ดูแลพื้นที่ 130.74ล้านไร่
ส.ป.ก. ดูแลพื้นที่ 34.76ล้านไร่
ป่าสงวนแห่งชาติ กรมป่าไม้ ดูแลพื้นที่ 144.54ล้านไร่
ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ 9.78ล้านไร่
การรถไฟ ดูแลพื้นที่ 234,976.96ไร่
เมื่อนำพื้นที่ป่าสงวนและที่ดินราชพัสดุมารวมกัน เท่ากับว่าที่ดินเกือบครึ่งของประเทศ จำนวน 154.32 ล้านไร่ อยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์ของรัฐ
ที่ดินที่อยู่ในความครอบครองโดยรัฐส่วนหนึ่งเป็นที่ดินของชุมชนและเป็นที่ดินทำกินของประชาชน ที่อาศัยทำกินมายาวนาน
ในขณะที่ที่ดินเอกชนหรือที่ประชาชนมีสิทธิถือครองมีจำนวนน้อย อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องการกระจายการถือครองสูง จากข้อมูลของ ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ) ระบุว่า
ประเทศไทยมีประชากร 64.871 ล้านคน
มีประชากรเพียง 15,900,047 คน ที่มีที่ดินเป็นของตนเอง
จำนวนที่ดินน้อยสุดคือ 1-10 ตารางวา มีผู้ถือครอง 285,952 คน
ที่ดินมากที่สุดคือมากกว่า 1,000 ไร่ขึ้นไป มีผู้ถือครองเพียงแค่837 คนเท่านั้น
นอกจากนั้นยังมีคนจำนวน 3,482,206 คน ที่ถือครองที่ดินเฉลี่ยคนละ 1-5 ไร่
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่า การถือครองที่ดินที่อยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์ของรัฐและประชาชนเพียงไม่กี่ราย แต่กลับมีประชาชนจำนวนมากที่ไร้ซึ่งที่ดินทำกิน อีกทั้งยังมีปัญหาที่ดินทับซ้อนกับที่ของรัฐ นี่จึงถือว่าเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องกำหนดให้เป็นวาระเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา
การที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ชาวต่างชาติที่มาลงทุนในรัฐไทยเพียง 40 ล้านบาท เงื่อนไขเงินทุนต้องอย่างน้อย 3 ปี จะอนุญาตให้มีที่ดินจำนวน 1 ไร่ นั้น ยิ่งจะทำให้เกิดช่องว่างของความเหลื่อมล้ำขยายเพิ่มมากขึ้น บ้านและที่ดินจะราคาสูงขึ้น เดิมที่ประชาชนเข้าถึงยากอยู่แล้วการกำหนดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวทำให้เกิดช่องว่างเพิ่มมากขึ้น
ผมไม่เห็นด้วยกับการออกนโยบายนี้ของรัฐบาล ตราบใดที่ยังไม่สามารถการแก้ปัญหาที่ดินให้กับประชาชนคนไทยได้ก็ไม่ควรใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีนี้
ผมเสนอว่าควรกลับมามองเรื่องการปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ เพื่อยกระดับสิทธิการครอบครองและกระจายอย่างเท่าเทียมให้เกิดความมั่นคงกับประชาชน นี้ต่างหากที่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะหากช่วยให้ประชาชนสามารถพัฒนาศักยภาพในการประกอบอาชีพได้ ก็นำมาซึ่งการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยเช่นกัน”