เปิดตำนานความเชื่อพญานาคสู่...“นาคีรูท”ตามรอยศรัทธา
…
ลมหนาวเดือนธันวาคมส่งท้ายปี ทำให้หลายคนๆแทบไม่มีสมาธิทำงานอยากเก็บกระเป๋าออกเที่ยวแล้ว หนึ่งในสถานที่เที่ยวรับลมหนาวที่หลายคนปักหมุดคือ จังหวัดริมแม่น้ำโขง อาทิ อุดรธานี บึงกาฬ และหนองคาย นอกจากบรรยากาศลมหนาวชวนฟิน ที่นี่ยังมีดินแดนแห่งความเชื่อความศรัทธาต่อพญานาค พร้อมตำนานเล่าขาน หลายคนกราบไหว้บูชา นอกจากได้ความสบายใจยังมีโชคลาภตามมาด้วย
“มติชนออนไลน์” มีโอกาสพูดคุยกับ คุณกิตติพงศ์ สุวรรณรินทร์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดหนองคาย ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวพญานาคที่ศึกษามานาน ร้อยเรียงไปกับการท่องเที่ยวที่เจ้าตัวเรียกว่า “นาคี รูท”
ความเชื่อศรัทธาต่อพญานาค
คุณกิตติพงศ์ เล่าว่า ความเชื่อและศรัทธาต่อนาค หรือ พญานาค ซึ่งมีลักษณะเป็นงูตัวใหญ่ มีหงอน มีเกล็ดเหมือนปลา ลำตัวสีเขียว มีดวงตาสีแดง เป็นสัญญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนาโชคลาภ มีทรัพย์สมบัติมาก ที่ถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสายน้ำโขง ความเชื่อนี้อยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนอีสาน และ สปป.ลาว มาอย่างยาวนาน ที่ผู้คนในดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำโขง ให้การเคารพบูชา ปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน หากมีพิธีกรรมอันใดอยู่ใกล้ต้นน้ำลำธารให้อัญเชิญบอกกล่าวแก่เหล่าพญานาค เชื่อว่าพิธีกรรมนั้นจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
ในช่วงปีที่ผ่าน เรื่องบั้งไฟพญานาค ในคืนวันขึ้น 15 เดือน 11 เป็นความเชื่อ ความศรัทธา ดลใจให้ผู้คนหลั่งไหลเดินทางมาเพื่อพิสูจน์หาความจริงเกี่ยวกับบั้งไฟของพญานาค ซึ่งปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นปีละครั้ง ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงของจังหวัดหนองคาย ทำให้กระแสความเชื่อเรื่อง พญานาค โด่งดังจนอยากมาสัมผัสด้วยตนเอง ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวที่มีความเชื่อเรื่องเกี่ยวกับพญานาคโด่งมากขึ้น
เช่น วังนาคินทร์คำชะโนด ที่ประทับ เจ้าปู่ศรีสุทโธ เจ้าย่าศรีปทุมมา ที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ที่เชื่อกันว่าถ้าได้มาพรแล้วจะประสบความสำเร็จดังปรารถนา นอกจากนี้คนอีสานในแถบนี้จะได้ยินเรื่องเล่า นิทาน ตำนาน ที่เกี่ยวข้องกับพญานาคเรื่อยมา จนกลายเป็นความเชื่อจากรุ่นสู่รุ่นที่บอกกล่าวเล่าต่อกันมาจนฝั่งแน่นกลายเป็นควมเชื่อ
ประวัติพญานาคตนที่สำคัญในพื้นที่
ตามตำนานเล่าว่าในแถบลุ่มแม่น้ำโขง มีพญานาคราชนาคาธิบดี ที่เป็นใหญ่อยู่ 2 องค์ คือ พญาศรีสัตตนาคราช กำเนิดในตระกูลเอราปถะ พระวรกายสีเขียวปล้องพระนาภีและพระเศียรเป็นสีทอง มี 7 เศียร เป็นหนึ่งในพญานาคผู้มีฤทธิ์เดชและอานุภาพ เชื่อกันว่าเป็นกษัตริย์แห่งพญานาคฝั่งลาว วังนาคินทร์ของพญาศรีสัตตนาคราช อยู่ใต้บริเวณพระธาตุหลวง กลางกรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว มีบ่อน้ำทิพย์ที่อยู่บริเวณพระธาตุหลวง เป็นทางเชื่อมลงสู่วังบาดาล
สำหรับองค์พญาศรีสัตตนาคราช มีการสร้างองค์ท่านเป็นแลนด์มาร์กศักดิ์สิทธิ์ริมฝั่งแม่น้ำโขง ที่บริเวณถนนสุนทรวิจิตร อ.เมือง จ.นครพนม เพื่อให้ผู้คนที่มีความเลื่อมใสศรัทธา และนักท่องเที่ยวได้เคารพกราบไหว้และอธิษฐานขอพร เชื่อว่าสัมฤทธิผลและสมปรารถนา เป็นอีกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ริมฝั่งโขง ที่นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมากราบไหว้เพื่อขอพรองค์ท่าน
อีกองค์ คือ พญาศรีสุทโธนาคราช กำเนิดในตระกูลเอราปถะ พระวรกายสีเขียวมรกต ปล้องพระนาภีและพระเศียรสีทอง มี 1 เศียร เป็นพญานาคราชชอบบำเพ็ญศีลบำเพ็ญเพียรและปฏิบัติธรรม มีนิสัยอ่อนโยนเมตตา เชื่อกันว่าเป็นกษัตริย์แห่งพญานาคฝั่งประเทศไทย มีพรหมประกายโลก หรือวังนาคินทร์คำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานีเป็นเวียงวังที่ประทับ
มีพระมเหสีคู่พระวรกาย คือ องค์นางพญานาคิณีศรีปทุมมาวิสุทธิเทวี กำเนิดในตระกูลเอราปถะ พระวรกายสีเขียวตองอ่อน ปล้องพระนาภีและพระเศียรเป็นสีทอง เป็นนางพญานาคิณีผู้มีน้ำพระทัยเมตตาปรานีต่อมนุษย์ทั้งหลายทั้งปวง สร้างทานบารมีต่อสัตว์ผู้ยากทั้งหลายอย่างไม่จบไม่สิ้น เป็นจ้าวย่านาคีที่ลูกหลานกราบไหว้ และรู้จักมากที่สุด
เปิดแหล่งท่องเที่ยวรูปแบบนาคีรูท
คุณกิตติพงศ์ ยังให้ข้อมูลว่า จังหวัดทางภาคอีสานตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีแม่น้ำโขงกั้นกลางที่คดเคี้ยวคล้ายกับลำตัวของพญานาคที่ขนานไปกับเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว โดยจังหวัดริมฝั่งแม่น้ำโขงมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว ทั้งทัศนียภาพสวยงาม มีมนต์เสน่ห์ และมีความเป็นอันซีน ซึ่งในแต่ละจังหวัดซึ่งเป็นจังหวัดขนาดเล็ก แต่กลับมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่น่าค้นหาและน่ามาสัมผัส และสามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว ล่าสุดจึงคิดกิจกรรมนาคีรูท เส้นทางท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ที่อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัส
สำหรับนาคีรูท คือ เส้นทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอัตลักษณ์ตามรอยพญานาค ที่เชื่อมโยงเรื่องราวตำนานความเชื่อความศรัทธาที่เกี่ยวกับ พญานาค ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 หรือกลุ่มจังหวัดสบายดี โดยเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่ดึงเอามนต์เสน่ห์ความเชื่อศรัทธาและธรรมชาติ เชื่อมโยง 3 จังหวัด ประกอบไปด้วยจังหวัดอุดรธานี จังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดหนองคาย
กิจกรรมมี 3 วัน แบ่งออกเป็น
วันที่ 1 มุ่งหน้าพิพิธภัณฑ์บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ต่อด้วยวังนาคินทร์คำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี และศาลเจ้าปู่อือลือ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ
วันที่ 2 ถ้ำนาคา ภูลังกา อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ต่อด้วยแก่งอาฮง อ.เมือง จ.บึงกาฬ และพิพิธภัณฑ์ชุมชมมีชีวิต อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ
วันที่ 3 หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย ต่อด้วยถ้ำดินเพียง อ.สังคม จ.หนองคาย ตามด้วย สกายวอล์ค วัดผาตากเสื้อ อ.สังคม จ.หนองคาย และสระมุจลินท์ วัดพระธะาตุบังพวน อ.เมือง จ.หนองคาย
“ขณะนี้เข้าสู่ช่วงหน้าหนาว นักท่องเที่ยวหลายหลายคนอยากมาสัมผัสกับอากาศและธรรมชาติทางภาคอีสานที่มีความสวยงาม และสิ่งที่อัศจรรย์ที่ธรรมชาติได้สรรสร้างเอาไว้ ล่าสุดไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ ถ้ำนาคา ที่ภูลังกา อ.บึงโขลงหลง จ.บึงกาฬ กำลังเป็นกระแสที่ปรากฏพบหินที่รูปร่างลักษระคล้ายกับลำตัว และ ส่วนหัวของพญานาค และมีตำนานเรื่องความเชื่อของพญานาคที่ถูกสาปกลายเป็นหินที่เป็นเรื่องเล่าเชื่อมโยงกับตำนาน ปู่อือลือ แห่งบึงโขลงหลง นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมะ ธรรมชาติ วัฒนธรรม ที่มากมายรอการมาเยือนของนักท่องเที่ยว ที่พร้อมจะให้หลงใหลไปกับมนต์เสน่ห์แห่งลุ่มแม่น้ำโขง”คุณกิตติพงศ์ทิ้งท้าย