เปิดสาเหตุ “ติดโควิดซ้ำ” แม้เคยรับเชื้อ-มีภูมิจากวัคซีน

ผลการวิจัยจาก Imperial College London ระบุว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน มีโอกาสทำให้ติดเชื้อรอบสอง สูงกว่าสายพันธุ์เดลตาถึง 4-6 เท่าโดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการติดโควิดรอบสอง คือ  1. เป็นช่วงภูมิคุ้มกันต่ำ หลังติดโควิดรอบแรกแล้ว เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว หรือ ภูมิไม่ได้ขึ้นเยอะ ตั้งแต่ติดรอบแรกทำให้มีความเสี่ยงติดเชื้อซ้ำได้  

2. เป็นเชื้อโควิดคนละสายพันธุ์ จากการติดครั้งแรก ทำให้ภูมิคุ้มกันที่ได้รับมาอาจป้องกันสายพันธุ์ที่ติดในรอบสองได้ไม่ดี  

3. ลดมาตรการป้องกันตัวเอง อาทิ การไม่สวมหน้ากาอนามัยในที่สาธารณะ อยู่ในพื้นที่แออัดไม่ระบายอากาศ ทำให้เกิดความเสี่ยงติดเชื้อซ้ำ ทั้งนี้ ระดับภูมิที่ได้มาจากการติดเชื้อรอบแรก ซึ่ง ปัจจุบันเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ภูมิจะค่อยๆ ลดลงในระยะเวลา 3-6 เดือน 

ดังนั้น ผู้ที่มีความเสี่ยงติดโควิดรอบ 2 ได้แก่ ผู้ที่ผ่านการติดเชื้อรอบแรกมาแล้ว 3-6 เดือน  ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ผู้ที่ลดมาตรการการป้องกันตัวเอง ผู้ที่ยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, ผู้ป่วยที่ต้องล้างไต, ผู้ป่วยที่ต้องรับประทานยากดภูมิ, และ ผู้ป่วย HIV เป็นต้น

ทั้งนี้ พบว่า อาการโควิดรอบใหม่จะรุนแรงน้อยกว่าการติดในรอบแรก เพราะร่างกายจะได้ภูมิต้านทานในระดับหนึ่ง แต่ยังพึงระวังผลกระทบที่จะส่งต่อร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะ อาจจะส่งผลเสียต่ออวัยวะในร่างกาย เช่น ไวรัสอาจทำให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายอักเสบ และเสี่ยงทำลาย กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์สมอง เซลล์ประสาท ถุงลมปอด หรือ อวัยวะอื่นๆ

ด้าน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า การติดเชื้อโควิดซ้ำ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อ หรือฉีดวัคซีน เมื่อผ่านไปไม่นาน ไม่สามารถที่จะป้องกันการติดเชื้อใหม่ได้ แต่ทำให้ความรุนแรงลดลง ดังนั้น ความหวังที่จะให้ภูมิคุ้มกันหมู่ลดการระบาดของโรค จึงทำไม่ได้ แต่ ทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อไป เช่น การเฉลิมฉลองปีใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็สามารถทำได้ แต่ทุกอย่างจะต้องทำด้วยความตระหนัก เพื่อลดการแพร่กระจายของโรค

เด็กเล็กรับวัคซีนเพียง 2 เข็มไม่พอป้องกันเสียชีวิตจากโควิด

ด้าน ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ หรือ ไบโอเทค เปิดเผยข้อมูลงานวิจับจากประเทศอาร์เจนตินา ที่ศึกษาในกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 840,000 คน พบว่า เด็กอายุ 3-12 ปี ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม  เทียบกับ วัยรุ่น อายุ 13-17 ปี ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มเช่นกัน ภูมิคุ้มกันจากวัคซีน ต่อการป้องกันการติดเชื้อ และอาการหนักถึงเสียชีวิต ต่อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ต่างกัน โดย วัคซีน 2 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อในทั้ง 2 กลุ่มได้ต่ำมาก คือ ร้อยละ 15.9 และ ร้อยละ 26

ทั้งนี้ ตัวเลขประสิทธิภาพการป้องกันการเสียชีวิตจากโอมิครอน ในเด็กอายุ 3-12 ปี มีแค่ร้อยละ 66.9  เทียบกับกลุ่มวัยรุ่นที่แข็งแรงกว่า มีประสิทธิภาพป้องกันการเสียชีวิตจากโอมิครอน ร้อยละ 97.6  ดร.อนันต์ ระบุว่า ตัวเลขนี้ค่อนข้างชัดเจนว่า กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่ได้รับวัคซีน เพียงแค่ 2 เข็ม  มีความเสี่ยงใกล้เคียง หรือ อาจจะมากกว่ากลุ่ม 608 อีก  เพราะเชื่อว่ากลุ่ม 608 ในไทย ได้เข็มกระตุ้นในร้อยละที่มากกว่าเด็ก ดังนั้น ก่อนที่แต่ละบ้านจะไปรับวัคซีนเข็ม 6 เข็ม 7 กัน ให้พิจารณาเข็ม 1-3 ให้เด็กๆ ที่บ้านด้วย