รีเซต

ของมันต้องมี!!! 3 หุ้นรับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้น

ของมันต้องมี!!! 3 หุ้นรับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้น
ทันหุ้น
25 สิงหาคม 2565 ( 09:48 )
91

#ทันหุ้น - บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS มองแรงกระตุ้น INFLATION ยังมี หนุนการขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกต่อ ชู BLA KTB KBANK เด่น

 

ทั้งนี้ เหตุการณ์สงครามยูเครน-รัสเซีย ทําให้เกิดภาวะขาดแคลนสินค้าเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเชื้อเพลิง ผลิตภัณฑ์ทางเกษตร และอาหาร หนุนอัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วดีดตัวขึ้นมาอยู่ในช่วง 8-10% ขณะที่กลุ่มกําลังพัฒนา ได้รับผลกระทบทางอ้อมจากประเด็นดังกล่าวเช่นกัน อัตราเงินเฟ้ออยู่ในโซนที่ต่ำกว่าเล็กน้อยช่วง 4 – 8% 

 

โดยสภาวะปัจจุบันมีโอกาสเห็นเงินเฟ้อทรงตัวในระดับสูง จากราคาน้ำมันดิบที่ยืนในโซนสูง(Brent Oil 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล) หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียให้ความเห็นว่า OPEC อาจพิจารณาลดการผลิต ตามสภาพคล่องในตลาดซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบที่ดูเหมือนว่าจะไม่ดี 

 

บวกกับ วิกฤตภัยแล้งในหลายประเทศ คาดทําให้ Supply หายและส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสูงขึ้นในอนาคต ประเด็นนี้หนุนนําให้ธนาคารกลางหลายประเทศมีโอกาสดําเนินนโยบายทางการเงินเชิงรุกต่อไป ช่วงนี้จึงแนะนํามีหุ้นที่ได้ประโยน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอย่าง BLA KTB KBANK ติดพอร์ต

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาการใช้นโยบายทางการเงินเชิงรุกในช่วงที่ผ่านมา พบว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายหลายประเทศกลับไปสูงกว่าช่วงก่อนเกิด COVID-19 แล้ว โดยเฉพาะประเทศฝั่งพัฒนาแล้ว อาทิ สหรัฐฯ 2.50%(ก่อน COVID 1.75%), อังกฤษ 1.25%(ก่อนCOVID 0.75%), ยุโรป 0.50%(ก่อน COVID 0%) 

 

ส่วนประเทศกําลังพัฒนาส่วนใหญ่ดอกเบี้ยยังไม่ถึงระดับก่อนเกิด COVID-19 อาทิ อินโดนีเซีย 3.5%(ก่อน COVID 5.0%),อินเดีย 4.9%(ก่อน COVID 5.15%), ฟิลิปปินส์ 3.25%(ก่อน COVID 4.0%), มาเลเซีย 2.25%(ก่อน COVID 3.0%) และ ไทย 0.75%(ก่อน COVID 1.25%) ทําให้แรงกดดันการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีถึงต้นปีหน้ามีโอกาสชะลอลง หรือขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น ส่งผลให้แรงกดดันจากประเด็นนี้ต่อตลาดหุ้นลดลงตามไปด้วย

ส่วนในมุมของ GDP ปัจจุบันเทียบก่อน COVID-19 (คิดจากสมมุติฐาน 100 จุด) จะเห็นได้ว่าระดับ GDP ปัจจุบันของประเทศอื่นๆ ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป อังกฤษ ญี่ปุ่น อยู่เกินระดับ 100 จุดทั้งสิ้น ส่วนไทยนั้นยังอยู่ที่ระดับ 98.9 จุด ซึ่งมีช่องว่างทางเศรษฐกิจในเติบโตต่อได้ต่อในอนาคต บวกกับความเห็นของผู้ว่า ธปท. ได้เผยว่าแนวทางการปรับนโยบายการเงินของไทยในช่วงที่เหลือของปีจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป (คาดขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25%) เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังถือว่าอยู่ในช่วงฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อน COVID-19 บวกกับตัวเลขการอุปโภคและบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ค่อนข้างดี สะท้อนถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศที่ชัดเจน และเชื่อว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวเด่น จากการกลับมาเปิดประเทศ และผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 โดย ธปท. มอง GDP สิ้นปีนี้ +3% และปีหน้า+4% ตามลําดับ

สรุป หลายปัจจัยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อทรงตัวระดับสูงต่อ ส่งผลให้การขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกยังคงมีอยู่ในหลายประเทศในช่วงสั้น แต่ระยะถัดไปอาจเห็นการขึ้นดอกเบี้ยที่ค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น ขณะที่ไทยคาดขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% ในปีนี้ บวกกับเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวแตกต่างกับประเทศพัฒนาแล้วหลายแห่งที่เริ่มชะลอลง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังดูมีเสน่ห์ในมุมมองนักลงทุนต่างชาติ

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง