BJCบุกอาเซียนอัพฐาน ชูแคมเปญกระตุ้นยอด

ทันหุ้น –สู้โควิด –BJC ปรับแผน 3 ปี ลดลงบลงทุนเหลือ 5-6 พันล้านบาทต่อปี เน้นกลุ่มอาเซียน รุกเปิดมินิบิ๊กซี-ไฮเปอร์มาร์เก็ตทั้งไทย ลาว กัมพูชา เวียนนาม ส่วนมาเลเซีย ลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจด้านการจัดจำหน่ายสินค้าและค้าปลีก พร้อมกันนี้เตรียมอัดโปรโมชั่นข้ามปีกระตุ้นยอดขายเพิ่ม

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล. ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทได้ปรับแผนการดำเนินงานระยะ 3 ปี โดยปรับลดดงบลงทุนลงเหลือเฉลี่ย 5-6 พันล้านบาทต่อปี โดยยังคงรุกขยายฐานธุรกิจในกลุ่มอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จะเน้นขยายสาขามินิบิ๊กซี ทั้งในประเทศ, และต่างประเทศ อาทิ ลาว กัมพูชา จะเน้นลงทุนสาขาขนาดกลาง-ใหญ่ ในรูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ต, ส่วนในเวียนนามจะใช้งบลงทุนของ MM มาร์เก็ต ขยายสาขาขนาดกลาง สำหรับการลงทุนในมาเลเซียจะขยายการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจด้านการจัดจำหน่ายสินค้าและค้าปลีก

พร้อมกันนี้ ได้จัดตั้งทีมกลยุทธ์เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ ที่กลุ่มบริษัทมีให้เกิดประโยชน์สูงสุด อาทิการปรับเปลี่ยนพื้นที่บางสาขาเป็นดีโป้เน้นขายสินค้าในลักษณะค้าส่งให้กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย – ร้านค้าปลีก, ขยายสาขาฟู๊ดเพรส, ปรับปรุงรูปแบบร้านค้าในส่วนพื้นที่เช่า เพิ่มร้านอาหารท้องถิ่น, อาหารเกาหลี, ร้านเสริมสวย, พื้นที่บริการตั้งเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ฯลฯ, ควบคู่ปรับปรุงการบริการทั้งการตลาด Online, Phone shop, Line shop ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกลุ่มธุรกิจอื่นทั้งบรรจุภัณฑ์, สินค้าเวชภัณฑ์, อาหาร ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะขวดแก้ว มีการผลิตขวดแก้วสำหรับบรรจุวัคซีน ตอบสนองความต้องการในอนาคต เช่นเดียวกับการผลิตสินค้าเพื่อสุขอนามัยทั้งกระดาษ เจลแอลกอฮอ และแอลกอฮอ จึงมั่นใจว่ากลุ่มบริษัทจะยังคงรักษาศักยภาพการทำกำไรได้ แม้ว่าจะขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน

*อัดโปรโมชั่นข้ามปี

นายปฐพงศ์ เอี่ยมสุโร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท บิ๊กซี ซุเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2563 ยังคงมีความท้าทายสูง เนื่องจากความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในประเทศยังกลับมาไม่เต็ม 100% จากปัจจัยกดดันทั้งการว่างงาน, รายได้ที่ลดลง, ความไม่มั่นใจว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 ในประเทศหรือไม่

ดังนั้นกลุ่ม บิ๊กซี-BJC จึงนำสินค้ามากกว่า 5 พันรายการ มาจัดโปรโมชั่นครั้งใหญ่ลดราคาจริงตั้งแต่ 10-40% ตั้งแต่ 25 กันยายน 2563 – 3 มกราคม 2564 เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย และช่วยลดภาระให้กับประชาชนทุกคน ด้วยโปรโมชั่นที่หลากหลายทั้งลดราคาสินค้าปลีกต่อชิ้นถูกกว่าราคาสินค้าส่ง, เมื่อซื้อครบ 100 บาทสามารถนำคูปองไปแลกซื้อสินค้าในราคาพิเศษ, ได้คะแนนสะสมพิเศษ, นำคะแนนสะสมมาใช้ลดราคาสินค้าลงได้อีก

นอกจากนี้กลุ่มบริษัท ยังได้ขอความร่วมมือผู้เช่าพื้นที่ในฟู๊ตเพรส นำรายการอาหารมาลดราคา 50% แลพร้านค้าต่างๆในพื้นที่เช่าก็ร่วมรายการคูปองลงราคากับกลุ่มบริษัท เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้เวลาอยู่ในพื้นที่เฉลี่ย 1-2 ชั่วโมง

*ยอดขาย SSSG ทรงตัว

ขณะที่ปัจจุบัน มีผู้ถือบัตร Big c Card ประมาณ 10 ล้านใบ มีสัดส่วนการใช้บัตรอย่างสม่ำเสอม (Active) ประมาณ 80% กลุ่มบริษัทจึงมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มาพัฒนาการจัดโปรโมชั่น, การตัดวางสินค้า, พัฒนางานบริการให้สามารถตอบตนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม

นายปฐพงศ์ ยอมรับว่า ณ ปัจจุบันยอดขายต่อสาขา (SSSG) ยังคงทรงตัว จากพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยที่เปลี่ยนไป ประชาชนลดการซื้อของลงเหลือ 2.2% ต่อเดือนจากปกติ 2.3% ต่อเดือน แต่การใช้จ่ายต่อ 1 ใบเสร็จเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-10% ต่อใบเสร็จ ดังนั้นการตอกย้ำแคมเปญ “บิ๊กซี ถูกจริง ประหยัดจริง” จึงเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนนึกถึงบิ๊กซี เมื่อต้องการซื้อสินค้าจำเป็น