พรุ่งนี้! 13 มิ.ย.65 คลังขายพันธบัตรออมเพิ่มสุข วอลเล็ต สบม. ผ่านแอปเป๋าตัง
กระทรวงการคลัง เปิดขายพันธบัตร ออมเพิ่มสุข วอลเล็ต สบม. ผ่านแอปเป๋าตัง วงเงิน 10,000 หมื่นล้านบาท เริ่มพรุ่งนี้ 13 –30 มิ.ย.65 โดยจำหน่าย 2 รุ่น คือ รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 2.90% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 3.60% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ผู้ซื้อพันธบัตรอายุ 15 ปีขึ้นไป สามารถลงทุนได้ตั้งแต่ 100 บาท - 10 ล้านบาท
ส่วนพันธบัตรออมเพิ่มสุข วงเงิน 45,000 ล้านบาท ที่ขายผ่าน 4 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์นั้น จะแบ่งการขายใออกเป็น 2 ช่วง คือ
ช่วงแรก ระหว่างวันที่ 15-19 มิ.ย.65 วงเงิน 40,000 ล้านบาท เปิดขายให้แก่ประชาชนทั่วไปวงเงินซื้อไม่เกิน 10 ล้านบาท จำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 2.90% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี
อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 3.60% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน สามารถซื้อได้ผ่านสาขาทั้ง 4 ธนาคาร หรือ Internet Banking และ Mobile Banking ส่วนช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 20-30 มิ.ย.65 จำหน่ายให้แก่ประชาชนและนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรตามที่กระทรวงการคลังกำหนด แบบไม่จำกัดวงเงินการซื้อ ตามเงื่อนไขที่กำหนด
สำหรับรายละเอียดมีดังนี้
1. รุ่นออมเพิ่มสุขบนวอลเล็ต สบม. วงเงิน 10,000 ล้านบาท ให้แก่ประชาชน 2 รุ่น
- รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 2.90% ต่อปี โดยปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ย 2.50% ปีที่ 3-4 อัตราดอกเบี้ย 3% ปีที่ 5 อัตราดอกเบี้ย 3.50% และรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 3.60 % ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน
-รุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 3.60% ต่อปี โดยปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ย 2.50% ปีที่ 3-6 อัตราดอกเบี้ย 3.50% ปีที่ 7-8 อัตราดอกเบี้ย 4% และปีที่ 9-10 อัตราดอกเบี้ย 4.50% ซึ่งจะมีการจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน
ซื้อได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป (ผู้เยาว์จะต้องลงทะเบียนในวอลเล็ต สบม. บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง และไปยืนยันตัวตนพร้อมผู้ปกครองเพื่อกรอกเอกสารให้ความยินยอม ณ สาขาธนาคารกรุงไทยสำหรับการซื้อครั้งแรก) ลงทุนได้ตั้งแต่ 100 บาท - 10 ล้านบาท จำหน่ายตั้งแต่วันที่ 13–30 มิ.ย.65
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเป๋าตังเพื่อลงทะเบียน ยืนยันตัวตน และเติมเงินเข้าวอลเล็ต สบม. ผ่านพร้อมเพย์จากทุกธนาคาร หรือผูกบัญชีธนาคารกรุงไทยกับ วอลเล็ต สบม. รวมถึงเติมเงินด้วย Wallet ID ได้ที่เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา เพื่อเตรียมซื้อพันธบัตรได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
2. รุ่นออมเพิ่มสุข วงเงินรวม 45,000 ล้านบาท จำหน่ายให้แก่ประชาชนและนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรที่กระทรวงการคลังกำหนด ผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่าย 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ แบ่งการจำหน่ายเป็น 2 ช่วง
ช่วงที่ 1 จำหน่ายให้กับประชาชนแบบจำกัดวงเงินซื้อ และช่วงที่ 2 จำหน่ายให้กับประชาชนและนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรที่กระทรวงการคลังกำหนดแบบไม่จำกัดวงเงินซื้อ ลงทุนได้ตั้งแต่ 1,000 บาท ทั้งนี้ หากเป็นผู้เยาว์ต้องมีบัญชีธนาคารตัวแทนจำหน่ายและได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน โดยวันจำหน่าย วงเงิน และรุ่นอายุเป็นดังนี้
ช่วงที่ 1 (15-19 มิ.ย. ) วงเงิน 40,000 ล้านบาท เปิดจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยซื้อได้ไม่เกิน 10 ล้านบาท จำหน่าย 2 รุ่น
- รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 2.90 % ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 3.60 %ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ผู้สนใจสามารถซื้อได้ผ่านช่องทาง Counter Internet Banking และ Mobile Banking ของธนาคารตัวแทนจำหน่ายทั้ง 4 แห่ง
ช่วงที่ 2 (20-30 มิถุนายน 2565) จำหน่ายให้แก่ประชาชนและนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรตามที่กระทรวงการคลังกำหนด แบบไม่จำกัดวงเงินการซื้อ โดยจำหน่ายให้ประชาชนในวงเงินคงเหลือจากช่วงที่ 1 ด้วยรุ่นอายุและเงื่อนไขเดียวกัน และจำหน่ายให้นิติบุคคลไม่แสวงหากำไรตามที่กระทรวงการคลังกำหนด วงเงิน 5,000 ล้านบาท
- รุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 3.30 % ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ซึ่งในรอบการจำหน่ายนี้ ได้เพิ่มนิติบุคคลอาคารชุด และนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรเป็นผู้มีสิทธิ์ซื้อด้วย โดยจะพิจารณาการเป็นผู้มีสิทธิ์ซื้อจากข้อบังคับนิติบุคคลที่จดทะเบียนกับกรมที่ดินหรือสำนักงานเขต และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ วงเงินที่จำหน่ายบนวอลเล็ต สบม. และธนาคารตัวแทนจำหน่ายไม่นับรวมกัน ผู้ลงทุนจึงสามารถลงทุนได้ทั้ง 2 ช่องทาง และกระทรวงการคลังสามารถปรับเพิ่ม/ลดวงเงินทั้ง 2 รุ่นที่จำหน่ายผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่ายได้ตามความเหมาะสม ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขและวิธีการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ผ่านช่องทางต่างๆ ได้จากธนาคารตัวแทนจำหน่ายทั้ง 4 แห่ง
สำหรับในปีงบประมาณ 2565 กระทรวงการคลัง มีแผนระดมทุนผ่านพันธบัตรต่าง ๆ ทั้งสิ้น 1.1-1.3 ล้านล้านบาท พร้อมทั้งได้ปรับแผนการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ เพิ่มขึ้นเป็น 1.65 แสนล้านบาท สูงสุดเท่าที่เคยดำเนินการมา จากเดิมที่ 1.5 แสนล้านบาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการค่อนข้างสูง ขณะที่อัตราผลตอบแทนก็ได้ปรับให้สะท้อนสภาพตลาดที่แท้จริงเพิ่มมากขึ้น ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก
"แผนการระดมทุนของรัฐบาล ในปีงบประมาณ 2565 ที่ 1.1-1.3 ล้านล้านบาทนั้น การดำเนินการจริงคงยึดขอบล่างเป็นหลัก เพื่อไม่ให้ตลาดเกิดโอเวอร์ซับพลายมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงนี้ เป็นช่วงที่ดอกเบี้ยขาขึ้น นักลงทุนส่วนใหญ่ก็เริ่มทยอยกลับมาลงทุนในพันธบัตรมากขึ้น การดำเนินการของ สบน. จะพิจารณาอย่างรอบคอบให้อยู่ในเกณฑ์ที่ตลาดรับได้ ไม่มากจนเกินไป"
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นนั้น อาจจะส่งผลกระทบกับการกู้เงินของรัฐบาล แต่ที่ผ่านมา สบน. ได้เตรียมความพร้อมไว้อย่างต่อเนื่อง โดยการกู้เงินส่วนใหญ่กว่า 80% จะเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ซึ่งจะช่วยทำให้มีการล็อกต้นทุนได้เป็นอย่างดี และยังมีเครื่องมืออื่น ๆ ในการช่วยบริหารจัดการด้วย
"การกู้เงิน ก็ไม่ได้ดูแค่การกู้ระยะสั้น แต่ดูความเหมาะสมเป็นหลัก เพราะหากกู้ระยะสั้นมากเกินไป ก็อาจจะเป็นความเสี่ยงเรื่องต้นทุนได้เช่นกัน"
ที่ข้อมูล กระทรวงการคลัง