"พิชัย" เผยไทยเตรียมหารือปม "Local Content" กับทางการสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า

รัฐมนตรีคลังเตรียมหารือปม Local Content กับสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ระบุว่า คาดว่าในสัปดาห์หน้านี้จะมีการการเจรจากับทางการสหรัฐฯ เรื่องการกำหนดเกณฑ์สินค้าที่มีถิ่นกำเนิดในไทย (Local Content) โดยปัจจุบันสหรัฐฯ ได้นัดคุยเรื่องนี้กับหลายประเทศ

ส่วนไทยขอยื่นอัตราภาษี Local content ไว้ที่ 40% หรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า อย่าเพิ่งไปพูดตรงนั้น เพราะปัจจุบันยังไม่ทราบว่าสหรัฐฯ จะหารือเรื่องนี้อย่างไร

“เขานัดผมหารือแล้วแต่ผมมีธุระช่วงปลายสัปดาห์นี้ ก็คงจะเป็นช่วงสัปดาห์หน้าที่จะหารือกัน ตอนนี้ภาษีสหรัฐฯ เราขอให้เท่ากับคนอื่นไว้ก่อนเพราะจะได้แข่งขันได้ เราเริ่มเห็นแล้วว่าคนที่รับผลกระทบก็คือคนซื้อสินค้าที่สหรัฐฯ เพราะของเริ่มแพง ขณะที่สหรัฐฯเองก็อยากจะเอาสินค้าทุกอย่างกลับไปผลิตที่สหรัฐฯแต่ทำไม่ได้”

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ โยกงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 2.6 หมื่นล้านบาท เป็นงบกลางฉุกเฉินปี 2568

นายพิชัย เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจในวันนี้ได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ไปแล้ว 2 ครั้ง

โดยครั้งแรก เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 วงเงิน 115,000 ล้านบาท และครั้งที่ 2 หรือระยะที่ 2 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 อีกจำนวน 18,400 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณที่ลงไปทั้งหมดกว่า 1.3 แสนล้านบาท เป็นการเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี เพื่อรับมือกับผลกระทบจากภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ

ดังนั้นจากกรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ได้อนุมัติไปแล้วประมาณ 1.33 แสนล้านบาท ะเหลืองบประมาณอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งมีบางหน่วยงานขอคืนงบบางส่วนที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในเดือน กันยายน 2568 และสามารถผูกพันงบประมาณได้เกิน 50% แล้ว ส่งผลให้มีงบเหลือเพิ่มจาก 2.4 หมื่นล้านบาท เป็น 2.6 หมื่นล้านบาท

โดยที่ประชุมบอรด์กระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้ มีมติให้โยกงบส่วนนี้ เป็นงบกลางรายการงบฉุกเฉินปี 2568 ซึ่งจะอยู่ในความรับผิดชอบของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณดูแลว่าจะบริหารจัดการอย่างไรที่จะต้องให้ทันภายในเดือนกันยายน 2568