ผอ.รพ.เลย ตั้งกก.สอบคู่ขนาน รพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น เหตุคนไข้เลือดออกในสมองดับ 45วัน รู้ผล!
วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2563) นพ.บัญชา ผลานุวงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) เลย ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของผู้ป่วยอาการเลือดออกในสมอง หลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ โดยแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน แต่เสียชีวิตหลังจากเดินทางถึงบ้านได้เพียง 10 นาที ว่า ผู้เสียชีวิตเป็นหญิง อายุ 54 ปี โดยหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ญาติได้ส่งเข้ามารักษาที่ รพ.เลย พบว่ามีอาการเลือดออกในสมอง ซึ่งทาง รพ.เลย ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง จึงได้ปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางโรงพยาบาลศูนย์ (รพศ.) อุดรธานี แต่ที่ไม่ได้ส่งไปรักษาที่ รพ.ดังกล่าว เนื่องจากทางแพทย์เฉพาะทางสมองของ รพ.เองก็มีจำนวนผู้ป่วยที่มากอยู่แล้ว โดยระหว่างการรักษาที่ รพ.เลย มีแพทย์ศัลยกรรมดูแลอย่างใกล้ชิดและให้ยาลดความดันในสมอง ประเมินอาการเป็นระยะ พบว่าผู้ป่วยอาการดี แพทย์เจ้าของไข้ได้ปรึกษากับทาง รพศ.อุดรธานี ให้ความเห็นว่าหากผู้ป่วยต้องการกลับบ้าน ก็สามารถกลับได้
“สิ่งที่ยังเป็นเรื่องที่ไม่ตรงกันคือ ญาติผู้ป่วยบอกว่า ขณะที่แพทย์ให้กลับบ้านได้ ผู้ป่วยยังมีอาการปวดหัว เดินเซอยู่ แต่แพทย์เจ้าของไข้บอกว่า ได้ถามผู้ป่วยแล้วว่า กลับบ้านไหม ผู้ป่วยเอ่ยปากว่า กลับ แต่ยังไม่ได้สอบสวนว่า แพทย์ได้ทำการทดสอบเรื่องการเดินเซหรือไม่ ซึ่งปกติหากเป็นโรคทางสมอง จะต้องใช้เวลาในการรักษา แต่แพทย์ก็ได้ประเมินอาการเบื้องต้นแล้วว่า สามารถกลับบ้านได้ ก็เลยให้กลับบ้าน ไปเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน และแนะนำว่าให้ดื่มน้ำหวานช่วยบรรเทาอาการ หลังจากได้คุยกับญาติผู้เสียชีวิตแล้ว เขาก็เล่าเหตุการณ์ที่อยู่นอก รพ.ว่าเมื่อกลับถึงบ้าน ก็ให้ผู้เสียชีวิตดื่มนมถั่วเหลือง และเกิดอาการสำลัก แต่ก็ไม่รู้ว่าการสำลักเกิดขึ้นช่วงไหน” นพ.บัญชา กล่าว
นพ.บัญชา กล่าวต่อไปว่า จากนั้นญาติได้ส่งผู้ป่วยไป รพ.เชียงคาน และได้ส่งกลับมายัง รพ.เลย อีกครั้ง โดยแพทย์ก็ได้ทำซีที สแกน (CT Scan) เก็บเอาไว้ด้วย แต่ก็ไม่สามารถรักษาชีวิตผู้ป่วยไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ญาติได้ส่งศพไปที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตและผลก็ออกมาแล้ว แต่จะต้องรอกระบวนการทางเอกสารอีกประมาณ 45 วัน ย้ำว่าเป็นขั้นตอนปกติ ไม่มีการเข้าไปแทรกแซง เนื่องจากทาง รพ.ศรีนครินทร์ เองก็เป็นคนกลาง การตรวจสอบจะต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง
นพ.บัญชา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว โดยมีรองผู้อำนวยการ รพ.เลย เป็นประธานการสอบ พร้อมหัวหน้าแพทย์แผนกศัลยกรรมเป็นคณะกรรมการ หากได้เอกสารการชันสูตรศพแล้วก็จะเร่งดำเนินการสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่างโดยเร็วที่สุด
“คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเป็นของ รพ. ก็จริง แต่จะต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงและหลักฐาน ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ก็จะมีการเยียวยาตามมาตรการ41 แต่การดูแลของทาง รพ.เลย ก็ได้เข้าร่วมพิธีศพ พร้อมส่งแพทย์ดูแลเรื่องจิตใจญาติแล้ว ขณะนี้ยังไม่ถึงกระบวนการเรื่องเยียวยาค่าเสียหาย แต่เราก็จะดูแลให้ดีที่สุด” นพ.บัญชา กล่าว