บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเพิ่มคอมเพล็กซ์รีเทิร์น เสนอขายวันนี้-17 ก.พ. 68
![บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเพิ่มคอมเพล็กซ์รีเทิร์น เสนอขายวันนี้-17 ก.พ. 68](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2020/08/18/15980f10-e133-11ea-8e82-0b494f6be91c_original.jpg)
#SCBAM #ทันหุ้น บลจ. ไทยพาณิชย์ เปิดเพิ่มกองทุน SCBCR1YW ตอบรับความนิยมต่อเนื่อง กับโอกาสลดเสี่ยงขาดทุนเงินต้น-สร้างผลตอบแทนเพิ่มจากสัญญาออปชั่นดัชนี SET50 เสนอขายวันที่ 10 - 17 กุมภาพันธ์ 2568
นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่าภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ ยังมีความท้าทายจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการเงินและการปรับลดดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นจริงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และความผันผวนของตลาดหุ้น ในเชิงของการปรับพอร์ตลงทุนจึงมองว่าการมีตราสารหนี้ในพอร์ตยังเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยง มีโอกาสสร้างกระแสเงินสด
พร้อมเสริมเสถียรภาพสมดุลพอร์ตให้เหมาะสมกับภาวะตลาดได้ ทั้งนี้ จากการเสนอขายกองทุนใหม่ในช่วงที่ผ่านมา การลงทุนที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากสัญญาออปชั่น เป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนให้การตอบรับอย่างดี สะท้อนผ่านกระแสเรียกร้องที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับ SCBAM มองว่าตลาดหุ้นไทยยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนกับดัชนี SET50ที่เป็นศูนย์รวมของหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานแกร่ง มีศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่น และมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัว ทั้งภาคการส่งออก ที่คู่ค้าหลายประเทศอาจเร่งนำเข้าสินค้าก่อนที่สงครามการค้าจะขยายตัวในวงกว้าง และการบริโภคในประเทศ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
SCBAM จึงเปิดกองทุน SCBCR1YW หรือ “กองทุนเปิดไทยพาณิชย์คอมเพล็กซ์รีเทิร์น 1YW ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย” กำหนดเสนอขายวันที่ 10 - 17 กุมภาพันธ์ 2568 เริ่มต้นเงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุนที่ยังต้องการปรับสมดุลพอร์ตเพิ่มเติม
กองทุน SCBCR1YW เป็นกองทุน Complex Fund อายุ 1 ปี ที่ยังเน้นจุดเด่นกลยุทธ์ลงทุนต่อการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนแบบลดความเสี่ยงขาดทุนเงินต้น และโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากสัญญาออปชั่นที่เชื่อมโยงกับการปรับตัวของดัชนี SET50 ซึ่งจะแบ่งนโยบายลงทุนออกเป็น 2 ส่วน คือ
(1) การลงทุนตราสารหนี้และเงินฝากระดับ Investment Grade ทั้งในและต่างประเทศ ด้วยสัดส่วนเงินลงทุนประมาณ 99.85% ของทรัพย์สินกองทุน ซึ่งตราสารหนี้เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ จึงช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุนเงินต้นได้ อีกทั้งมีโอกาสได้รับเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนดอายุโครงการ
(2) การลงทุนโดยการเข้าทำธุรกรรมสัญญาออปชั่น Digital Call ที่มีเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี SET50 ด้วยสัดส่วนเงินลงทุนประมาณ 0.15% ของทรัพย์สินกองทุน ซึ่งหากในวันพิจารณาผลตอบแทน ระดับดัชนี SET50 ปรับขึ้นเท่ากับหรือมากกว่า 10% จากวันที่เริ่มต้นสัญญา ก็จะเป็นโอกาสการรับผลตอบแทนเพิ่มจากส่วนออปชั่นเป็น Bonus Coupon ในอัตราผลตอบแทนคงที่ 0.40% ตามเงื่อนไขที่กองทุนระบุ โดยจะกำหนดจ่ายผลตอบแทนครั้งเดียวในวันครบอายุโครงการ
นางนันท์มนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า “การจัดพอร์ตลงทุนให้สมดุลเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อยากให้นักลงทุนมองข้าม เพราะเป็นส่วนที่เสริมให้พอร์ตลงทุนมีความทนทานต่อตลาดทุน หากเกิดปัจจัยที่ทำให้เกิดความผันผวน ซึ่งกองทุน SCBCR1YW จะช่วยสร้างสมดุลจากโอกาสที่ได้รับกระแสเงินสดที่มั่นคง จากการลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากกว่า 90% ขณะที่ ยังมีโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากการลงทุนผ่านสัญญาออปชั่นจากกลุ่มหุ้นไทยพื้นฐานดีที่อ้างอิงตามดัชนี SET50 และอาจจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้พอร์ตมีโอกาสเติบโตได้อย่างสมดุล”
กองทุน SCBCR1YW เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารที่มีความซับซ้อน (Complex Fund) และห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย เนื่องจากการลงทุนในผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อนซึ่งมีปัจจัยอ้างอิง มีความแตกต่างจากการลงทุนในปัจจัยอ้างอิงโดยตรง จึงอาจทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมีความผันผวนแตกต่างจากราคาของปัจจัยอ้างอิงได้ (ในกรณีที่เป็นกองทุนรวมที่มีปัจจัยอ้างอิง (underlying asset) และกำหนดเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนโดยอ้างอิงกับปัจจัยอ้างอิงดังกล่าว โปรดศึกษารายละเอียดข้อมูลการจ่ายผลตอบแทนจากหนังสือชี้ชวน)
ทั้งนี้ กองทุนยังมีความเสี่ยงในการผิดชำระหนี้ (default risk) ที่เกิดขึ้นจากการผิดชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร/เงินฝาก และ/หรือ จากการผิดชำระหนี้ของผู้ออกสัญญา/คู่สัญญา ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน และ/หรือ ไม่ได้รับผลตอบแทนจากธุรกรรม Interest Rate Swap ได้
บริษัทจัดการจะใช้ดุลพินิจในการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนได้ต่อเมื่อเป็นการดำเนินการภายใต้สถานการณ์ที่จำเป็นและสมควรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนในช่วงเวลา 1 ปีตามอายุกองทุน ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมากได้