โควิด:เว้นระยะห่างทางสังคม นักจิตวิทยาวิเคราะห์ ทำไมมีคนไม่แยแส
โควิด:เว้นระยะห่างทางสังคม นักจิตวิทยาวิเคราะห์ ทำไมมีคนไม่แยแส
โควิด:เว้นระยะห่างทางสังคม - ซีเอ็นเอ็น รายงานวิเคราะห์สาเหตุที่ยังมีคนเพิกเฉยต่อมาตรการกักตัวอยู่ในบ้าน เว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อลดความเสี่ยงในการระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทำให้หลายคนอึดอัด หลายคนเพิกเฉย พากันออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านตามปกติ ไปชายหาด
https://www.youtube.com/watch?v=9HJg6l7Sp_c
ก่อนหน้านี้ มีรายงาน วัยรุ่นที่รัฐเคนตักกี สหรัฐ เพิกเฉยต่อคำแนะนำของหน่วยงานสาธารณสุข แล้วจัดงานสังสรรค์รื่นเริงทั้งยังตั้งชื่อเย้ยว่า "ปาร์ตี้ไวรัสโคโรนา" กับเพื่อนๆ เพื่อท้าทายสถานการณ์และเจ้าหน้าที่ ต่อมาพบว่าวัยรุ่นคนหนึ่งในกลุ่มนี้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 1 คน
ทำไมถึงมีคนไม่สนใจปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด นักจิตวิทยามีคำตอบมากมายมาไขข้อสงสัย
สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะธรรมชาติของมนุษย์นั่นเอง
กอร์ดอน อัสมุนด์สัน ศาสตราจารย์ภาควิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยริไจนา รัฐซัสแคตเชวัน ของแคนาดา ศึกษาปัจจัยด้านจิตวิทยาที่ส่งผลกระทบต่อการแพร่กระจายและการตอบสนองต่อไวรัส โดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็น 3 ประเภท คือ กลุ่มที่ให้ความร่วมมือดีมาก กลุ่มที่ไม่ให้ความร่วมมือ และกลุ่มกลางๆ
กลุ่มแรก เป็นกลุ่มที่กระตือรือล้นมีการตอบสนองระดับสูงต่อการระบาดของไวรัส จึงซื้อของไปตุนนานหลายเดือน รวมทั้งกระดาษชำระ
กลุ่มกลางๆ เป็นกลุ่มที่ทำตามคำแนะนำของรัฐบาลโดยไม่ได้ตื่นตระหนกหรือหย่อนยานเกินไป
กลุ่มสุดท้าย พวกไม่สนโลก ไม่เชื่อฟังคำแนะนำใดๆ ทั้งสิ้น ไม่รักษาระยะห่างทางสังคมเพราะเชื่อว่าจะไม่ป่วย ซึ่งกลุ่มนี้เองทำให้ถูกประณามว่าแพร่เชื้อไวรัสไปทั่วประเทศ
วาล ไรท์ ผู้อำนวยการสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน วิเคราะห์ว่ากลุ่มที่ไม่สนคำแนะนำเป็นพวกต่อต้านเพราะคิดว่าไวรัสเป็นสิ่งที่เหนือการควบคุม แต่การต่อต้านเป็นสิ่งที่ควบคุมเองได้
ขณะที่ สตีเฟน เทย์เลอร์ นักจิตวิทยาคลินิก กล่าวว่าคนบางกลุ่มคิดว่าไม่ใช่ภาระ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในชุมชนที่ไวรัสไม่ได้ระบาดหนักหรืออยู่ในพื้นที่นอกเขตล็อกดาวน์อาจไม่ใส่ใจกับการเว้นระยะห่างทางสังคม
การที่ข่าวสารเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ถาโถมเข้ามาทุกช่องทางผ่านสื่อต่างๆ อาจทำให้คนคุ้นชินกับความรุนแรงของไวรัสไปแล้ว หรือมีความเข้าใจที่คลุมเครือ เช่น ข้อมูลทางการแพทย์ที่ระบุว่าคนหนุ่มสาวมีความเสี่ยงติดไวรัสต่ำ อาจทำให้กลุ่มผู้ใหญ่ตอนต้นไม่กลัวติดไวรัส
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้คนไม่สนการกักตัวอยู่แต่ภายในบ้าน อาจเป็นเพราะชาวอเมริกันยึดถือเสรีภาพส่วนบุคคลเป็นสำคัญ
สาเหตุทั้งหลายเหล่านี้ ทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข คนดังทั้งหลาย รวมทั้ง คนธรรมดาๆ ย้ำนักย้ำหนาว่าให้ปฏิบัติตนตามคำแนะนำอยู่บ้านให้มากที่สุดไม่ใช่เพื่อตนเอง แต่เพื่อผู้อื่น โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุดที่อาจติดไวรัสได้ง่ายและหากติดไวรัสแล้ว อาการจะรุนแรง
นักจิตวิทยาทั้ง 3 คน เห็นตรงกันว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ย่อมต้องการปฏิสัมพันธ์ กลุ่มผู้สูงอายุจะเป็นกลุ่มที่จะโดดเดี่ยวและเหงาว้าเหว่ที่สุดจากมาตรการกักตัวอยู่บ้านเพราะใช้เครื่องมือสื่อสารทันสมัยไม่เป็นทำให้ติดต่อคนอื่นไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนใน 3 ประเภท หนทางในการต่อสู่กับโรครระบาดในขณะนี้ คือ อยู่บ้านดีที่สุด
...........
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ไม่หวั่นโควิด คนเกลื่อนหาดแคลิฟอร์เนีย เมินคำสั่งเก็บตัวอยู่ในที่พัก