"เอลซัลวาดอร์" จ่อล่มละลาย หนี้ท่วม 2.3 หมื่นล้าน

จากมูลค่าบิทคอยน์ที่ผันผวนอย่างหนัก ทำให้มูลค่าของบิทคอยน์ที่รัฐบาลเอลซัลวาดอร์มีนั้นลดลงไปถึง 60% โดยในขณะนี้เอลซาวาดอร์เป็นหนี้อยู่ทั้งสิ้น 23,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต้องเริ่มจ่ายคืน IMF ในปีหน้าเป็นจำนวน 800 ล้าน และ IMF คาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะของเอลซัลวาดอร์ อาจสูงถึง 95% ของ GDP ภายในปี 4 ปีนี้ ซึ่งหมายความว่า ตอนนี้สิ่งที่รัฐบาลทำ คือใช้เงินภาษีของประชาชนไปซื้อบิทคอยน์ แทนที่จะเอาไปช่วยประชาชน เช่น แก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำสะอาด 

ล่าสุดทาง Nayib Bukele ประธานาธิบดีแห่งเอลซัลวาดอร์ ปรับแผนชะลอหนี้ที่เกิดขึ้นหลังการกู้ยืม IMF ด้วยการตั้งเป้าไปที่พันธบัตรของประเทศ จากเดิมที่โฟกัสไปที่คริปโต เนื่องจากมูลค่าการถือครองเหรียญนั้นลดลงจากสถานการณ์ตลาดที่ล่มสลาย โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เขาโพสต์ทวีตว่า ได้มีการเขียนร่างกฎหมายสองฉบับไปยังรัฐสภาเอลซัลวาดอร์ เพื่อขออนุญาตยืมเงินและซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลในราคาตลาด ซึ่งลดลงถึง 75% ในปีที่แล้ว โดยแผนการซื้อคืนหนี้เป็นไปเพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจหลังจากที่เขาทุ่มซื้อ Bitcoin อย่างต่อเนื่องจนสถานะการเงินติดลบเนื่องจากตลาดคริปโตผันผวนอย่างรุนแรง

ขณะที่บางคนเชื่อว่าเอลซัลวาดอร์ใกล้จะผิดนัดแล้ว การกระทำของบูเคเล่พยายามเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อลดระดับหนี้ของรัฐบาล โดยปัจจุบันสถานะการถือครองบิทคอยน์ของเอลซัลวาดอร์ อยู่ที่ 2,381 BTC ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุนของเอลซัลวาดอร์ลดลงมากกว่า 46% 

นอกจากนี้ในเดือนพฤษภาคม Moody's ซึ่งเป็นสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ ลดอันดับความน่าเชื่อถือของเอลซัลวาดอร์ลง จากปัญหาหนี้ของประเทศที่พุ่งสูงขึ้น โดยระบุว่า "ความพยายามที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin" เป็นเหตุผลให้ประเทศตกต่ำลงอย่างรุนแรง และทั้งหมดทั้งมวลมาจากความดื้อรั้นของ Nayib Bukele ประธานาธิบดีแห่งเอลซัลวาดอร์ ที่ไม่สนใจคำเตือนจากหลายฝ่าย

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากสถานะการไร้ความสามารถในการชำระภาระผูกพันทั้งหมดเมื่อครบกำหนดแล้ว เอลซัลวาดอร์ยังมีเงินสดในมือไม่เพียงพอที่จะซื้อคืนหนี้ทั้งหมดของตนเองอีกด้วย (จนถึงปี 2025)

ตามการรายงานของ Bloomberg จากทวีตของ Bukele ราคาของธนบัตรขยะของเอลซัลวาดอร์เพิ่มขึ้น โดยพันธบัตรที่ครบกำหนดในปี 2566 พุ่งขึ้นมากกว่า 10% และพันธบัตรปี 2025 เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% 

ข้อมูลจาก : TNN ONLINE

ภาพจาก : TNN