สั่งกักตัวบุคลากรทางแพทย์ขอนแก่นเกือบ 100 รายสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิดรายที่ 5 พร้อมสั่งปิดหมู่บ้าน-รพ.
ขอนแก่นสั่งกักตัวบุคลากรทางการแพทย์ เกือบ 100 คนหลังสัมผัสและใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 5 พร้อมสั่งปิดหมู่บ้าน-โรงพยาบาล เพื่อทำความปลอดภัยตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ขณะที่อาการผู้ป่วยยังคงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด พร้อมนำตัวบุตรชายไปตรวจหาภูมิคุ้มกันโรคอีกครั้ง เพื่อหาเชื้อต้านทานที่อาจจะพัฒนาเป็นยารักษาได้
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 15 เม.ย.2563 ที่โรงแรมลาวิลล่า ขอนแก่น ถ.ชาตะผดุง เขตเทศบาลนครขอนแก่น สถานที่ที่ทางจังหวัดใช้เป็นพื้นที่กักกันโรคและควบคุมตัวบุคคลกลุ่มเสี่ยงตามมาตรการควบคุม เฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นเวลา 14 วัน นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น,นายวรทัศน์ ธุรีจันทร์ รอง ผวจ.ขอนแก่น และนายภพพล เกษมสันต์ ณ อยุธยา ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.ขอนแก่น ลงพื้นที่เยี่ยมและกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่ถูกกักตัว ตามาตรการควบคุมโรค 14 วันที่ถูกส่งตัวมาทำการควบคุมตัวที่โรงแรมดังกล่าว โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ จาก รพ.น้ำพอง และ รพ.ขอนแก่น ที่ถูกตัวเข้ารับกาควบคุมตัวตั้งแต่ช่วงค่ำของเมื่อวานที่ผ่านมา (14 เม.ย.)
โดยคณะได้พบปะพูดคุยกับผู้ที่ถูกควบคุมโรคผ่านทางโทรโข่ง ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ที่ทุกคนต่างโบกไม้โบกมือผ่านหน้าต่าง หรือบริเวณระเบียง พร้อมกันนี้คณะยังคงได้มอบของใช้ส่วนตัว รวมทั้งอาหารและขนมเพื่อให้กำลังใจกับผู้ที่ทุกคน นอกจากนี้ยังปรบมือเพื่อให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องทำงานกันอย่างหนักในช่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนถูกส่งตัวมาทำการควบคุมโรคตามขั้นตอนของทางสาธารณสุข สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ รวมทั้งน้ำตาแห่งความปลื้มใจให้กับทุกคนในบริเวณอย่างมาก
นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า จังหวัดได้กำหนดให้โรงแรมลาวิลล่า และ โรงแรมกรีน เป็นจุดควบคุมโรคกลางที่จังหวัดจะรองรับบุคคลเข้ารับการกักตัวตามมาตรการรักษาความปลอดภัยในสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น โดยโรงแรมลาวิลล่า แห่งนี้นั้นมีผู้ที่ถูกควบคุมโรคทั้งหมด 41 คน ประกอบด้วยบุคลากรทางการแพทย์ และ ผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มีการส่งตัวบุคลากรทางการแพทย์ แยกเป็น รพ.น้ำพอง 53 ราย และ รพ.ขอนแก่น 33 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่สัมผัสและใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 5 ที่ติดเชื้อโควิด-19 ดังนั้นจังหวัดจึงต้องดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุด ทั้งนี้ผู้ที่ถูกกักตัวเพื่อควบคุมโรคนั้น นอกจากจะได้รับการดูแลจากทางจังหวัดอย่างเข้มงวด และใกล้ชิด โดยมีการจัดอาหารและเครื่องดื่มที่ถูกหลักโภชนาการ ให้บริการทั้ง 3 มื้อแล้ว ยังคงมีการกำหนดจัดกิจกรรมเพื่อคลายเครียดและการจัดส่งผู้แทนเข้ามาพบปะและให้กำลังใจตามขั้นตอนในภาพรวม
“ ผู้ป่วยรายที่ 5 นั้นอาการวันนี้ยังคงอยู่ในความดูแของแพทย์อย่างใกล้ชิด และยังคงต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่ด้วยการที่ผู้ป่วยอายุมากและมีโรคประจำตัวทำให้การทำงานของทีมแพทย์ในการเฝ้าดูอาการต้องรัดกุม ตามวิธีปฎิบัติ ขณะเดียวกันผมยังสั่งการไปยังนายอำเภอน้ำพอง ในการปิดหมู่บ้าน เพื่อตรวจคัดคนเข้าและออกพื้นที่ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด และมาตรฐานด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน รพ.น้ำพอง ได้มีการปิดโรงพยาบาลเพื่อทำความสะอาดเป็นเวลา 3 วัน โดยเปิดให้บริการเคสฉุกเฉินเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ และสร้างความมั่นใจในความสะอาดของโรงพยาบาล ซึ่งเมื่อคบกำหนด รพ.น้ำพอง จะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ”นายสมศักดิ์กล่าว
นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ทีมสอบสวนโรคยังคงไล่เรียงลำดับและเหตุการณ์ของผู้ป่วยรายที่ 5 อย่างเคร่งครัดและเข้มงวด โดยแยกออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่นับหนึ่งจาก รพ.ขอนแก่น และส่วนที่นับหนึ่งจาก รพ.น้ำพอง ที่จะต้องมีการสอบสวนอย่างละเอียด ทุกขั้นตอนเพื่อขีดวงจำกัดของทีมาของโรคนี้ให้ได้ ขณะที่ลูกชายที่เป็นสาวประเภทสอง และ สามีของผู้ป่วยนั้น ได้ถูกส่งตัวกักกันโรค ที่ รพ.ขอนแก่น แล้ว และจากการตรวจร่างกายของลูกชายนั้นไม่พบการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ขณะนี้ได้ทำการตรวจสอบอีกครั้งเพื่อหาแอนติบอดี้ หรือภูมิคุ้มกันของลูกชายคนป่วนว่ามีภูมิคุ้มกันใดที่ทำให้ไม่ติดเชื้อเพื่อนำไปสู่แนวทางการรักษาตามขั้นตอนทางการแพทย์ต่อไป ซึ่งหากเป็นผลก็อาจจะมีการเก็บตัวอย่างหรือสนับสนุนให้มีการบริจาคพลาสม่าต่อไป
“ขอให้ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วงในจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ จากทั้ง รพ.น้ำพองและ รพ.ขอนแก่น ที่ถูกส่งตัวด่วนมาเข้ารับการควบคุมโรค เป็นเวลา 14 วัน เนื่องจากได้มีการวางแผนรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวนี้ไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อทีมใดถูกกักกันตัวเพื่อควบคุมโรคทีมเสริมของ รพ.ฯ ในลำดับต่อไปจะขึ้นมาทำงานแทนทันที ซึ่งเท่ากับว่าบุคลากรทางการแพทย์ ทั้ง 2 รพ.ฯ นั้นยังคงไม่ขาดแคลน แต่ถึงอย่างไรยังคงมีการเสริมกำลังทีมบุคลากรทางการแพทย์ ในพื้นที่ รพ.ข้างเคียงเพื่อสนับสนุนการทำงานของพื้นที่หากเกิดสถานการณ์ใดๆเกิดขึ้น อย่างไรก็ดีการสอบสวนโรคตามเส้นทางของผู้ป่วยรายที่ 5 นี้นั้นเนื่องจากอาการเพิ่งที่จะแสดงออกาจึงทำให้มีจุดเสี่ยงต่างๆโดยเฉพาะการพักรวมในหอผู้ป่วยรวมก่อนหน้านี้ และการเดินทางไปในพื้นที่ต่างๆที่ขณะนี้ทีมสอบสวนโรคมีการจัดข้อมูลและเชิญตัวบุคคลกลุ่มเสี่ยงมาทำการควบคุมโรคในภาพรวมแล้ว”นพ.สมยชายโชติกล่าว