รีเซต

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับขึ้นสู่เกณฑ์ "ร้อนแรง"

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับขึ้นสู่เกณฑ์ "ร้อนแรง"
TNN ช่อง16
4 กันยายน 2568 ( 16:25 )
27

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนสิงหาคม 2568 พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน  ในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับขึ้นมาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ที่ระดับ 120.22 นักลงทุนมองว่าการไหลเข้าของเงินทุน เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบาย กนง. ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

ผลสำรวจ ณ เดือนสิงหาคม 2568 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับเพิ่ม 11.0% อยู่ที่ระดับ 96.55 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 67.1% อยู่ที่ระดับ 130.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 6.1% อยู่ที่ระดับ 130.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่ม 100.00% อยู่ที่ระดับ 133.33


ตลอดเดือนสิงหาคม 2568 ดัชนี SET เคลื่อนไหวภายใต้แรงกดดันทั้งจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย—กัมพูชาที่ยังไม่คลี่คลาย รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาว แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีรวมถึงรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ จากกรณีคลิปเสียงหลุดกับฮุน เซนของกัมพูชา  อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยหนุนจากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.75% เป็น 1.50% ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดย SET Index ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2568 ปิดที่ 1,236.61 ปรับตัวลดลง 0.46% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนสิงหาคม 2568 อยู่ที่ 50,672 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 21,816 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิรวม 84,384 ล้านบาท 

ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ นโยบายการเงินและการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED  และทิศทางการเจรจาการค้าระหว่าง สหรัฐฯ-จีน หลังตกลงขยายเวลาชะลอภาษีไปอีก 90 วัน ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองไทยในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบาย การเบิกจ่ายงบประมาณ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน ผลการตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อ"คดีชั้น 14“ ของนายทักษิณ ชินวัตร และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย—กัมพูชา”


ข่าวที่เกี่ยวข้อง