พุทธศาสนสถานใน 'พนมเปญ' เกือบครึ่ง เจอโควิด-19 ระบาด
พนมเปญ, 26 ก.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันเสาร์ (25 ก.ย.) สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุว่าพุทธศาสนสถานเกือบครึ่งหนึ่งในกรุงพนมเปญเผชิญการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
"เมื่อวานนี้ ทีมแพทย์เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งเพื่อตรวจโรคโควิด-19 กับพระสงฆ์และฆราวาสในพุทธศาสนสถานทุกแห่งในกรุงพนมเปญ และพบว่ามีผู้ป่วยในพุทธสถานเกือบครึ่งหนึ่ง" ฮุนเซนกล่าว
อนึ่ง กระทรวงธรรมการและศาสนาของกัมพูชา ระบุว่ากรุงพนมเปญมีพุทธศาสนสถานทั้งหมด 151 แห่ง ส่วนทั่วประเทศนั้นมีมากกว่า 4,000 แห่ง ด้านฮุนเซนกล่าวว่ายังไม่มีการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งเพื่อตรวจโรคโควิด-19 กับพระและชาวบ้านที่อยู่นอกกรุงพนมเปญ
กัมพูชาเผชิญการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพุทธศาสนสถาน หลังจากเมื่อวันพุธ (22 ก.ย.) พุทธศาสนิกชนเริ่มเฉลิมฉลองเทศกาลประชุมแบน (Phum Ben) หรือเทศกาลทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ล่วงลับ ซึ่งจัดขึ้นนาน 15 วัน
เมื่อวันศุกร์ (24 ก.ย.) รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจระงับการเฉลิมฉลองเทศกาลดังกล่าว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส พร้อมเตือนว่าการชุมนุมกันจำนวนมากที่พุทธศาสนสถานอาจทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดระลอกใหญ่ในประเทศได้ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา
เทศกาลประชุมแบน ถือเป็นการเฉลิมฉลองตามประเพณีนิยมขนาดใหญ่ที่สุดอันดับที่ 2 ของกัมพูชา รองจากเทศกาลวันขึ้นปีใหม่เขมร โดยพุทธศาสนิกชนจะเดินทางไปทำบุญตักบาตรแก่พระสงฆ์ที่พุทธศาสนสถาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่บรรพบุรุษและญาติพี่น้องผู้ล่วงลับ โดยเชื่อว่ากุศลจะส่งถึงผู้ล่วงลับและพวกเขาจะอวยพรให้ตนประสบความโชคดี มีสุขภาพแข็งแรง และร่ำรวย
[
เมื่อวันเสาร์ (25 ก.ย.) กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา รายงานพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 816 ราย ทำให้ยอดรวมอยู่ที่ 108,257 ราย และพบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 21 ราย ทำให้ยอดรวมอยู่ที่ 2,218 ราย
กัมพูชาเริ่มแผนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยกระทรวงฯ ระบุว่าหากนับจนถึงวันที่ 24 ก.ย. กัมพูชามีประชาชนฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส 12.95 ล้านคน หรือร้อยละ 80.9 ของประชากรทั้งหมด 16 ล้านคน และมีประชาชนฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว 10.77 ล้านคน หรือร้อยละ 67.3 ขณะที่มีประชาชนฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นแล้ว 860,551 คน หรือร้อยละ 5.37
ฮุนเซนกล่าวว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการยับยั้งการแพร่ระบาด โดยวิงวอนให้ประชาชนปฏิบัติตามแนวทางด้านสาธารณสุขที่เผยแพร่โดยรัฐบาลต่อไป โดยเฉพาะ "สามสิ่งที่ควรและไม่ควรทำ" (3 do's and 3 don'ts)
แนวทางป้องกันที่ควรทำ 3 ประการ ได้แก่ สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือให้สะอาด และเว้นระยะห่างทางสังคม 1.5 เมตร ส่วน 3 ประการที่ไม่ควรทำ ได้แก่ การเดินทางไปยังสถานที่ปิด สถานที่ผู้คนหนาแน่น และสัมผัสใกล้ชิดกัน