ขอนแก่น-ภูเก็ต แถลงพบผู้ป่วยโควิด เชื่อมโยงสมุทรสาคร

วันนี้( 23 ธ.ค.63) นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนอก่น พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมกันแถลงข่าว พบผู้ป่วยโควิด 19 คนแรก ของจังหวัดขอนแก่น เป็นหญิงวัย 24 ปี มีอาการป่วยและเดินทางกลับมาบ้าน เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ด้วยรถโดยสารสาธารณะ กรุงเทพ ขอนแก่น 

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า หญิงคนนี้เป็นพนักงานโรงงานแห่งหนึ่งมีประวัติสัมผัสกับแรงงานชาวเมียนมาที่ตลาดมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร โดยได้เดินทางไปทำงานที่จังหวัดสมุทรสาคร วันที่ 30 พ.ย.  -17 ธ.ค. 

18 ธันวาคม กลับมาอยู่กับญาติที่หอพัก หน้ารามคำแหงซอย 29  เริ่มทีเสมหะที่ลำคอ ไม่มีอาการไข้ ไม่มีน้ำมูก ไม่มีอาการเจ็บคอ พักจนถึงวันที่ 20 ธันวาคม 

21 ธันวาคม เดินทางกลับจังหวัดขอนแก่น โดยรถโดยสารธารณะ เที่ยว 11.15 น. ถึงขอนแก่นเวลาประมาณ 17.55 น. ที่บขส.3 จากนั้นญาติมารับโดยนั่งบริเวณแคปหลัง และเข้ารับการตรวจคัดกรองอย่างละเอียด ที่รพ.ศูนย์ขอนแก่นทันที 

โดยเบื้องต้น มีกลุ่มเสี่ยงใกล้ชิด 3 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการกักตัว เพื่อเฝ้าระวังนอกจากนี้ จังหวัดขอนแก่นยังมีผู้ที่เดินทางกลับจากจังหวัดสมุทรสาคร ที่เข้ารับการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด 19 แล้ว กว่า 200 คน พร้อมขอความร่วมมือประชาชน ปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด 19 อย่างเคร่งครัดโดยจะประชุมหารือถึงมาตรการในการป้องกันอีกครั้ง

แพทย์หญิงนาตยา มิลส์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่า จากการสอบสวนโรคพบว่า หญิงคนดังกล่าวได้ไปทำงานในโรงงาน โดยได้ไปใกล้ชิดกับแรงงานประเทศเมียนมา ก่อนที่จะเดินทางกลับมาจังหวัดขอนแก่น โดยทางโรงพยาบาลขอนแก่น ได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งบุคลากรทางการแพทย์รวมทั้งเครื่องมือ ห้องความดันลบ เมื่อหญิงคนดังกล่าวได้แจ้งว่าเดินทางมาจากจังหวัดสมุทรสาคร จึงได้แยกเข้าห้องความดันลบทันทีจนกระทั่งตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19

ขณะที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นายแพทย์ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวแถลงข่าวกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย ของจังหวัดภูเก็ต และมาตรการการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด-19 ของจังหวัดภูเก็ต

นายแพทย์ธนิศ กล่าวถึง กรณีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ของจังหวัดภูเก็ต ว่า เป็นชายไทย อายุ  40 ปี ทำงานบริษัทในพื้นที่ ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต จากการสอบสวนโรคพบว่า มีประวัติเดินทางไปเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม เพื่อร่วมกิจกรรมกับกลุ่มเพื่อน  ซึ่งมีจำนวนประมาณ 40 คน และหนึ่งในนั้นเดินทางมาจากมหาชัย จ.สมุทรสาคร ทราบข่าวภายหลัง ว่าติดเชื้อโควิด-19  ซึ่งก่อนเดินทางกลับ จ.ภูเก็ตในวันที่ 13 ธันวาคม ได้มีการสัมผัสใกล้ชิดกับเพื่อนที่มาจาก จ.สมุทรสาคร ด้วยการกอดและจับมือกัน โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งช่วงแรกก็ไม่ได้มีอาการ และได้ไปทำงานที่ร้านตามปกติ ซึ่งเป็นห้องแอร์ ไม่มีการสวมหน้ากาก 

ต่อมาในวันที่ 16 ธันวาคม เริ่มมีอาการปวดศรีษะ ปวดตามตัว ไข้ ไอ คันคอ และหยุดงานในวันที่ 17-18 ธันวาคม  ต่อมาในวันที่ 19 ธันวาคมได้เข้าไปเคลียร์งานที่ร้าน และวันที่ 20 ธันวาคม ทราบว่า เพื่อนจาก จ.สมุทรสาครติดชื้อโควิด-19  จึงตัดสินใจไปตรวจที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 

จากการไปสอบสวนโรคแบบเร่งด่วน พบว่า เป็นกลุ่มที่ร่วมเดินทางไปเกาะลันตา 6 คน และพนักงานในที่ทำงาน 17 คน ซึ่งในส่วนนี้เสี่ยงสูง 16 คน และเสี่ยงต่ำ 1 คน เพื่อนสนิทที่ป่าตอง 1 คน และคนในครอบครัว รวมผู้มีความเสี่ยงสูง 28 ราย ในจำนวนดังกล่าวมี 3 รายที่มีอาการร่วมด้วย ซึ่งเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และมีผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงต่ำ จำนวน 10 รายทุกรายอาการปกติ แต่ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เพื่อรอดูอาการ ซึ่งในส่วนของผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมดได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด- 19 เเล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ โดยทั้งหมดได้รับการกักกันโรคในสถานที่ๆทางราชการกำหนด และทารสวอปเพื่อหาเชื้อทุกราย ซึ่งจะทราบผลในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ และขอยืนยันว่าขณะนี้จังหวัดภูเก็ตมีผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 เพียง 1 รายเท่านั้น

ด้านนายแพทย์เฉลิมพงศ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยรายดังกล่าว รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต อาการโดยทั่วไปไม่ได้รุนแรงและจากการเอ็กซเรย์ปลอด ปรากฎว่าปลอดยังปกติดี ส่วนผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง 28 คน ทั้งกลุ่มเพื่อนที่ร่วมเดินทางไปเกาะลันตา กลุ่มพนักงานในงาน รวมถึงครอบครัวนั้น ได้มีการสวอปหาเชื้อส่งตรวจทั้งหมดแล้ว จะทราบผลภายในวันนี้

ขณะที่นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต  กล่าวว่า  ในส่วนของพี่น้องประชาชนขอให้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่แออัด และเว้นระยะห่าง หากมีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส หายใจเหนื่อยหอบ ปวดศีรษะ ให้รีบไปโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลใกล้บ้านโดยด่วน นอกจากนี้ขอให้มั่นใจในมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งมีการทำอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามาทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ รวมถึงการตรวตจแคมป์คนงานต่างด้าวด้วย ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้

เกาะติดข่าวที่นี่