'ชัชชาติ' ไปถ.พระราม 3 แก้ฝ่าท่อใต้ดิน 'ผู้ว่ากฟน.-ผอ.โยธา' มาครบ แป๊บเดียวได้คำตอบ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 มิถุนายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่บริเวณสวนศิลาฤกษ์ เขตยานนาวา กรุงเทพฯ พร้อมด้วย นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (MEA) นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการโยธา นายสุนิติ บุญยมหาศาล ผู้อำนวยการเขตยานนาวา เพื่อสำรวจโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน บนถนนพระราม 3 หลังจากที่นายชัชชาติ นัดหมายไว้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา
นายชัชชาติกล่าวว่า หลังจากได้รับการร้องเรียนของประชาชนเรื่องถนนไม่เรียบ จากการก่อสร้างท่อสายไฟฟ้าใต้ดิน บนถนนพระรามที่ 3 ของ MEA โดยผู้ว่าการ MEA ได้สั่งการให้มีการปรับปรุง และทางสำนักการโยธาได้มีการสั่งให้หยุดปฏิบัติงานชั่วคราว เพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนฝาบ่อให้เรียบร้อยก่อน
ด้าน นายไทวุฒิ ผอ.สำนักการโยธา กล่าวว่า ตอนนี้มีการปรับปรุงรูปแบบคานที่รองรับแผ่นถนนด้านบน เทคอนกรีตติดกับโครงสร้างของบ่อ ทำให้การทรุดตัวปากบ่อจะไม่เกิดขึ้น รวมถึงรื้อผิวการจราจรรอบบ่อประมาณ 1 เมตร แล้วเทพื้นใหม่ โดยทาง MEA จะยุติการก่อสร้างชั่วคราวเพื่อปรับพื้นผิวการจราจรทั้งหมดก่อน
ขณะที่ นายวิลาศ ผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง (MEA) ระบุว่า ที่ผ่านมา MEA ได้ดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศ เป็นสายไฟฟ้าใต้ดินเพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านระบบไฟฟ้า ทำให้เกิดความปลอดภัย และเกิดทัศนียภาพที่สวยงาม โดยได้ดำเนินงานในช่วงเวลา 22.00 – 05.00 น. ของทุกวัน เพื่อลดผลกระทบด้านการจราจรที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลากลางวันที่มีการเปิดให้รถสัญจรเป็นปกตินั้น MEA ได้กำหนดรูปแบบการดำเนินงานให้กับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างในแต่ละโครงการ เช่น การปิดฝาบ่อพักชั่วคราว, การวางแผ่น Road Deck, ตลอดจนการเทคอนกรีตเพื่อแก้ไขปัญหาผิวการจราจร แต่เนื่องจากปัญหาอุปสรรคการทรุดตัวของดิน และข้อจำกัดในด้านระยะเวลาดำเนินงาน จึงส่งผลต่อความราบเรียบและความสม่ำเสมอของผิวถนนในบางพื้นที่ ซึ่ง MEA และบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างได้ให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากการร่วมวางแนวทางแก้ไขในครั้งนี้ MEA มีแนวทางให้บริษัทผู้รับเหมาปรับปรุงรูปแบบการปิดฝาบ่อพัก แบ่งออกเป็น 4 วิธี คือ
1.กรณีเป็นบ่อพักที่ต้องหยุดงานมากกว่า 4 เดือน ให้เทคอนกรีตปิดฝาบ่อ ส่งผลให้ไม่มีรอยต่อของฝาบ่อ
2.กรณีฝาบ่อพักที่ต้องปิด-เปิดทุกวัน ให้เปลี่ยนฝาบ่อพักที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (จากเดิมปิดโดยใช้ 8 ชิ้น เปลี่ยนเป็นปิดโดยใช้ 4 ชิ้น) ส่งผลให้ลดรอยต่อของฝาบ่อ ผิวถนนราบเรียบมากขึ้น
3.กรณีฝาบ่อพักที่ต้องปิด-เปิดทุกวัน แต่มีกำหนดเสร็จสิ้นงานภายใน 1 ปี ยังคงใช้ฝาบ่อเดิม แต่เพิ่มการตรวจสอบสภาพฝาบ่อให้มีความเรียบร้อย
4.กรณีแผ่น Road Deck หรือ แผ่นถนนชั่วคราว ให้เสริมความแข็งแรงโครงสร้างรองรับแผ่น Road Deck ป้องกันการทรุดตัวที่ริมฝาบ่อ และเทคอนกรีตปรับระดับจุดเชื่อมต่อกับผิวถนนจริง
นายวิลาศ ผู้ว่าการ MEA กล่าวต่อว่า นอกจากการวางแนวทางด้านวิศวกรรมแล้ว MEA ได้วางมาตรการกำกับการปฏิบัติงานของบริษัทผู้รับเหมา โดยการจัดให้มีการตรวจสอบความเรียบร้อยของฝาบ่อ และผิวจราจรตลอดระยะพื้นที่ของโครงการก่อสร้าง 2 ช่วงเวลาต่อวัน รวมถึงการจัดทีมงานเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขเหตุเร่งด่วน และการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน
ด้าน นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า เป็นนิมิตหมายที่ดี ถ้าเราร่วมมือกันแก้ปัญหา
“แป๊บเดียวหาคำตอบได้เลย ขอให้มีการคุยงานการประสานงานกัน นอกจากนี้ ยังมีถนนอีกหลายเส้นอย่างถนนสาทร ถนนวิทยุ ต้องเอามาตรการแบบนี้ไปใช้ เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน” นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้มีการหารือการจัดระเบียบสายสื่อสาร เนื่องจากสายสื่อสารอาศัยการใช้เสาไฟฟ้าเป็นหลัก เพราะมีประชาชนร้องเรียนมาเยอะเรื่องความไม่เป็นระเบียบ โดยขั้นแรกอาจจะยังไม่ต้องลงดินก่อน เป็นการจัดระเบียบทางสายตา สายสื่อสารไหนที่ไม่ได้ใช้ก็เอาออก ซึ่งจะมีการประชุมหารือระหว่าง กทม., MEA, กสทช. และเอกชนเจ้าของสายสื่อสาร
ต่อมา “เรื่องไฟตามถนนดับ” มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย เป็นหน้าที่ของ กทม.ในการลงทุนตัวหลอดไฟ ส่วนทาง MEA เป็นผู้จ่ายค่าไฟฟ้าให้ ด้านสำนักการโยธาได้มีโครงการติดตั้งหลอดไฟใหม่ที่ดับ จำนวน 10,000 ดวง ภายในไม่เกิน 3 เดือน
อีกทั้งต้องจะมีการประสานงานร่วมกับหลายหน่วยงาน โดยในสัปดาห์หน้าตนจะเข้าไปพูดคุยกับทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องจราจร, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการปลูกต้นไม้ ฝุ่น PM 2.5 มลพิษ, กรมราชทัณฑ์ เรื่องการลอกท่อโดยผู้ต้องขัง และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ประเทศไทย (ACT) เพื่อเพิ่มความโปร่งใส
“อย่างที่เรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่า หน้าที่ กทม. ต้องประสานสิบทิศ เพราะเราไม่ได้มีอำนาจทั้งหมด แต่เชื่อว่าความตั้งใจจริงของทุกหน่วยงาน ตัวอย่างการไฟฟ้านครหลวง ตั้งใจจริงมาก ไม่อยากให้ประชาชนเดือดร้อน เชื่อว่า ถ้าเรามีการร่วมมือกันแล้วแก้ปัญหาได้ง่ายไม่ได้ยาก เป็นความรับผิดชอบของผู้รับเหมาที่ต้องทำ เพราะว่า มีการคิดเงินการก่อสร้างแล้ว เราแค่กำกับดูแลให้เข้มข้น” นายชัชชาติ กล่าว