น้ำท่วม “อินโดนีเซีย” ทำโรงพยาบาลพัง เกิดวิกฤตโรคระบาดกลางเมือง

พื้นที่โดยรอบอาเจะห์ ตามียง ของ “อินโดนีเซีย” กำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ หลังน้ำท่วมและดินถล่มจากอิทธิพลพายุไซโคลนได้ทำลายบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง และระบบสาธารณสุขอย่างหนัก ความรุนแรงของภัยพิบัตินี้ไม่เพียงทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพของผู้รอดชีวิตที่ต้องเผชิญโรคระบาดและการขาดแคลนการรักษาอย่างเฉียบพลัน

เหตุการณ์น้ำท่วมและดินถล่มครั้งรุนแรงนี้เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดบนเกาะสุมาตรา รวมถึงจังหวัดอาเจะห์ โดยรัฐบาลอินโดนีเซียเปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 940 ราย และยังมีผู้สูญหายอีก 276 คน บ้านเรือนจำนวนมากถูกฝังด้วยโคลน เศษไม้ และซากสิ่งปลูกสร้าง ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมต่อสุขภาพ

กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียระบุว่าโรคต่าง ๆ เช่น ท้องร่วง ไข้ และปวดกล้ามเนื้อ แพร่กระจายมากขึ้น เนื่องจาก “สภาพแวดล้อมและที่พักอาศัยยังไม่ฟื้นตัวหลังเหตุการณ์ภัยพิบัติ” ส่งผลให้ผู้ประสบภัยจำนวนมากต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน ที่โรงพยาบาลเพียงแห่งเดียวในเขตอาเจะห์ ตามียง อุปกรณ์การแพทย์เปรอะไปด้วยโคลน เข็มฉีดยากระจัดกระจาย และยาถูกน้ำพัดหายไป ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ยืนยันว่าโรคต่าง ๆ กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน

นอกจากนี้ ความเสียหายของสะพานหลายแห่งยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ ทำให้การเดินทางของทีมแพทย์เพื่อออกช่วยเหลือในพื้นที่ต่าง ๆ เกือบเป็นไปไม่ได้ แพทย์อย่าง ดร.ชิก เอ็ม. อิกบาล ต้องใช้เรือในการเดินทางไปยังอาเจะห์ ตามียง ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาล 31 แห่ง และสถานพยาบาลขนาดเล็กอีก 156 แห่งในพื้นที่ 3 จังหวัดได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้

ด้าน ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ลงพื้นที่อาเจะห์เพื่อสั่งการแก้ไขสถานการณ์เร่งด่วน ทั้งการซ่อมแซมสะพาน เขื่อน และประกาศยกเลิกหนี้สินรายย่อยของเกษตรกรในพื้นที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบนเกาะสุมาตราเรียกร้องรัฐบาลกลางให้ประกาศ “ภาวะฉุกเฉินระดับชาติ” เพื่อเปิดทางให้มีงบประมาณและทรัพยากรเพิ่มเติมสำหรับการกู้ภัยและบรรเทาทุกข์

น้ำท่วมและดินถล่มรุนแรงในสุมาตราครั้งนี้ไม่เพียงทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่ยังส่งผลให้ระบบสาธารณสุขล่มสลาย ผู้รอดชีวิตเผชิญความเสี่ยงจากโรคระบาด ขาดแคลนยาและอุปกรณ์การแพทย์ ขณะที่การเข้าไม่ถึงพื้นที่ยิ่งทำให้การช่วยเหลือล่าช้า เจ้าหน้าที่หวังว่ารัฐบาลกลางจะประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อเร่งระดมทรัพยากรแก้ไขสถานการณ์ ก่อนที่ปัญหาด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชนจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น