รีเซต

สธ.แนะใช้ชุดตรวจแอนติเจนผ่าน อย. 24 ยี่ห้อ ย้ำ! ไม่พบโควิดยังต้องกักตัว

สธ.แนะใช้ชุดตรวจแอนติเจนผ่าน อย. 24 ยี่ห้อ ย้ำ! ไม่พบโควิดยังต้องกักตัว
มติชน
8 กรกฎาคม 2564 ( 15:53 )
65

ข่าววันนี้ 8 กรกฎาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงการใช้ชุดตรวจแอนติเจน หรือ แรพิด เทสต์ (Rapid Antigen Test) เพื่อค้นหาผู้ป่วยโควิด-19 ในสภาะที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ว่า สธ.มีมติเห็นชอบในแนวทางการดำเนินการใช้ชุดตรวจแอนติเจน เพื่อให้ใช้ได้มีประสิทธิผลสูงสุดและไม่มีปัญหาแทรกซ้อนอะไรเกิดขึ้น

 

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า โดยปกติเมื่อร่างกายรับเชื้อไวรัสจะใช้เวลาหนึ่ง ก่อนที่จะมีการตรวจพบเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นตัวไวรัส หรือองค์ประกอบไวรัส และไม่ว่าจะเป็นการตรวจวิธีไหนก็ตาม ซึ่งแต่ละวิธีมีความช้า เร็วในการตรวจพบเจอแตกต่างกันไป หรือมีความไวในการตรวจกรณีมีเชื้อขึ้นมากหรือน้อยแตกต่างกันไป และไม่นานจะมีภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นมา ซึ่งจะใช้เวลานานกว่าที่จะตรวจพบเจอภูมิ

 

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ชุดตรวจที่นำมาใช้เป็นการตรวจแอนติเจน คือ ตรวจตัวไวรัสหรือองค์ประกอบไวรัส ต่างจากการตรวจแอนติบอดีที่เป็นภูมิคุ้มกันหรือภูมิต้านทาน ซึ่งทั้งคู่มีวิธีการตรวจที่ชุดทดสอบอย่างง่าย (test kit) ที่สามารถตรวจได้และได้ผลรวดเร็วทั้งคู่ แต่ที่พูดถึงนี้คือ แอนติเจน ส่วนแอนติบอดี หรือภูมิต้านทาน เหตุที่ไม่นำมาใช้ เพราะกว่าที่ภูมิต้านทานจะขึ้นใช้เวลานาน และถ้าขึ้นมาแล้ว ปัจจุบันที่มีคนฉีดวัคซีนแล้วเป็น 10 ล้านโดส ซึ่งภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นอาจเป็นจากวัคซีน ทำให้ไม่สามารถแยกกันได้

 

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ชุดตรวจแอนติเจนชนิดอย่างเร็วที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มี 24 ยี่ห้อ โดยได้รับอนุญาตให้ใช้โดยบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น ไม่ได้สามารถเอาไปตรวจด้วยตนเองเองได้ในขณะนี้ แต่ในอนาคตอาจมีการพิจารณาการตรวจเองที่บ้าน แต่ปัจจุบันยังให้สถานพยาบาลตรวจ ซึ่งทั้ง 24 ยี่ห้อมีคุณภาพแตกต่างหลากหลาย การเก็บตัวอย่างที่ใช้เทคนิคการตรวจ บางอันเก็บแหย่จมูก แหย่จมูกถึงคอหอย บางอันเข้าทางปากถึงคอหอย เป็นต้น และการทำลายเชื้อของสารทำละลาย น้ำยาที่ใช้ในการตรวจ

 

 

“กรมวิทยาศาสตร์ฯ ได้ออกคำแนะนำ การตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) กรณีนี้ ถ้ามีความจำเป็นในการใช้ชุดตรวจที่ทราบผลเร็ว โดยมีข้อจำกัดการตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ (RT-PCR) เพื่อเอาผลเบื้องต้นไปดำเนินการบางอย่างก่อนก็ไม่ได้ขัดข้อง แต่ขอให้เข้าใจว่า คนตรวจผลเป็นลบ ไม่ใช่ไม่ติดเชื้อ แต่อาจเชื้อน้อย และตรวจไม่เจอด้วยวิธีนี้ หากตรวจแล้วบวก อาจจะต้องยืนยันผลด้วยวิธีอาร์ที-พีซีอาร์ อีกครั้ง เพราะมีจำนวนอยู่บ้างอาจจะเกิดผลบวกลวง เพราะการจะรักษาคนไข้อาจต้องยืนยันอีกครั้ง” นพ.ศุภกิจกล่าว

 

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ข้อแนะนำการใช้ชุดตรวจแอนติบอดี (Rapid Antigen Test)โดยสถานพยาบาล ประกอบด้วย 1.เลือกชุดตรวจที่ผ่านการประเมินและขึ้นทะเบียน อย. 2.การเก็บตัวอย่างใช้การแหย่จมูกถึงด้านหลังคอ การแหย่ผ่านช่องปากไปที่คอ หรือจมูกอย่างเดียว สุดแท้แต่ชุดตรวจจะกำหนด 3.ใช้เพื่อคัดกรองเบื้องต้น และควรได้รับการตรวจยืนยันด้วยอาร์ที-พีซีอาร์ และทำคำแนะนำชัดเจนทั้งการแปลผลและการแยกกักตนเอง 4.สถานที่รับตรวจ ยังไม่ได้ให้ตรวจเองหรือตรวจที่บ้าน ยังต้องเป็นสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนและได้รับการรับรองโดยกรมวิทยาศาสตร์ฯ มี 300 กว่าแห่งทั่วประเทศ น่าจะเพียงพอ

 

“ที่ต้องอนุญาตเฉพาะส่วนนี้ก่อน เพราะถ้าผลบวกหรือลบ จะต้องนำสู่การตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ เพื่อยืนยันและสถานพยาบาลทั้งหมดนี้ได้รับการรองการตรวจอยู่แล้ว จึงต้องกำหนดไม่เปิดให้ดำเนินการในคลินิกที่ไม่ผ่านการรับรอง และ 5.เตรียมพร้อมระบบทางการแพทย์ ถ้าตรวจมากขึ้น เข้าถึงมากขึ้น เร็วขึ้น ข้อดีคือ อาจจะเจอคนไข้เป็นบวก เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ระบบบริการควรสงวนไว้ให้คนอาการหนัก อาจจต้องควบคู่กับโฮม ไอโซเลชั่น (Home Isolation) ด้วยการให้กักตัวที่บ้านอย่างมีคุณภาพ หรือคอมมูนิตี้ ไอโซเลชั่น (Community Isolation) ที่มีสถานที่ระบบดูแลไม่ให้แพร่เชื้อ และป่วยหนักรับรักษาต่อไป ป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิต” นพ.ศุภกิจ กล่าวและว่า การใช้แรพิด เทสต์ ในพื้นที่ติดเชื้อวงกว้าง กรณีเป็นผู้สงสัยที่ไม่มีอาการใดๆ ถ้าตรวจด้วยแอนติเจน เทสต์แล้ว เป็นลบ แม้ยังไม่ 0 เจอเชื้อ แต่อาจจะมีเชื้อน้อยๆ ให้กลับไปดูแล กักตัวที่บ้าน และอาจจะมาตรวจใหม่อีกครั้งในเวลาที่เหมาะสม ถ้าผลบวกจะยืนยันด้วยการตรวจอาร์ที-พีซีอาร ถ้าผลเป็นลบ ก็ให้คำแนะนำเหมือนตรวจแอนติเจนเป็น ลบ แต่ถ้าผลเป็นบวก จะเข้าระบบในการที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ถ้าอาการไม่มากก็ใช้โฮม ไอโซเลชั่น

 

 

นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า กรณีกลุ่มที่มีความเสี่ยง ผู้สัมผัสแล้วมีอาการแนะนำให้ตรวจอาร์ที- พีซีอาร์ เป็นหลัก เพราะวิธีมาตรฐานที่ตรวจเจอเชื้อเร็วที่สุด แต่ในกรณีที่สถานบริการรองรับไม่ไหว มีคนตรวจจำนวนมาก อาจใช้วิธีแรพิด เทสต์ ก่อนได้ ถ้าใครบวกตรวจยืนยันอีกครั้งด้วยวิธีอาร์ที-พีซีอาร์ แต่ถ้าผลลบและตรวจด้วยอาร์ที-พีซีอาร์ ลบด้วย ก็อาจจะกลับไปดูแลตัวเองตามระบบ ซึ่งแนวทางที่กำหนด เพื่อทำความเข้าใจกับระบบริการ เพื่อให้ผลตรวจช่วยคัดกรองเบื้องต้น คนจะได้ไม่ไปรอคิว เพราะจำนวนหนึ่งไม่ใช่คนที่มีโควิด-19 แต่อย่างใด ช่วยลดปริมาณการตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ ทำให้คนเข้าถึงบริการมากขึ้น

 

“การตรวจโดยแรพิด เทสต์ ไม่ใช่การตรวจแอนติบอดีที่ตรวจจากเลือด แต่จะตรวจตัวอย่างจากจมูกหรือคอ เพื่อช่วยให้คนเข้าถึงบริการมากขึ้น ไม่อยากให้คนไม่มีคิวตรวจ แล้วไม่ได้ไปตรวจแล้วเกิดปัญหาคนจำนวนหนึ่งแพร่เชื้อได้ โดยที่ไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้ออยู่ในตัว แต่คนตรวจแอนติเจน เทสต์ (Antigen Test) แล้วเป็นลบ ก็ต้องระวังตัว กักตัว เพราะการตรวจนี้มีความไวต่ำกว่าอาร์ที-พีซีอาร์ และถ้ามีอาการหรือผ่านระยะเวลาหนึ่งต้องตรวจซ้ำ” นพ.ศุภิจ กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง