ยอดตายเหมืองหยกถล่มในเมียนมา เพิ่มขึ้นเป็น 162 ราย
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เหตุเหมืองหยกในเมืองพากัน รัฐกะฉิ่น ทางตอนเหนือของประเทศเมียนมาถล่ม เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 162 ราย ซึ่งถือเป็นอุบัติเหตุเกี่ยวกับเหมืองที่ร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปีในประเทศเมียนมา โดยต่างพุ่งเป้าไปที่ความล้มเหลวของรัฐบาลเมียนมาในการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยของเหมือง
สำนักงานดับเพลิงเมียนมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน แถลงหลังเกิดเหตุ 12 ชั่วโมงแล้วว่า สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาจากเหตุดินถล่มได้แล้ว 162 ราย โดยคนงานเหมืองหยกถูกคลื่นโคลนพัดพาไป และติดอยู่ในโคลน นอกจากนี้ ยังมีรายงานผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาได้ และได้รับบาดเจ็บ 54 คน ที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว
ทั้งนี้ เมืองพากัน ถือเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเหมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่อุตสาหกรรมหยกในเมียนมา โดยในปี 2014 สามารถสร้างรายได้ให้เมียนมาได้มากถึงราว 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.64 แสนล้านบาท)
ขณะที่นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ออกมาแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิต และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเหยื่อ รัฐบาลและประชาชนชาวเมียนมา พร้อมกับเน้นย้ำถึงความพร้อมของยูเอ็นในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้านกลุ่มโกลบอล วิทเนส กลุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แถลงว่า อุบัติเหตุดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาลเมียนมาในการจัดการกับความประมาทและการขาดความรับผิดชอบของผู้ประกอบการเหมืองหยกในรัฐกะฉิ่น พร้อมระบุว่า รัฐบาลควรระงับการทำเหมืองขนาดใหญ่ เหมืองผิดกฎหมาย และเหมืองที่เป็นอันตรายในเมืองพากัน เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทต่างๆที่กระทำผิดเหล้านั้นจะไม่สามารถทำกิจการต่อไปได้อีก