รัฐบาล แจงปรับลดวงเงิน คุ้มครองเงินฝาก วอนปชช.อย่าตื่นตระหนก
รัฐบาล แจงปมปรับลดวงเงิน คุ้มครองเงินฝาก เหลือ 1 ล้านบาทต่อบัญชี เป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก วอน ประชาชน อย่าตื่นตระหนก
วันที่ 17 ส.ค.2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล" ถึงกรณีการปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากที่เหลือ 1 ล้านบาทต่อราย สถาบันการเงิน ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเงินฝาก ที่มีการปรับลดมาเป็นระยะ ตั้งแต่พ.ศ.2551 เต็มจำนวน กระทั่ง พ.ศ.2562 ลดลงเหลือ 5 ล้านบาท และ 2564 ลดลงเหลือ 1 ล้านบาท
จากทั้งระบบที่มีผู้ฝากเงิน 83,950,000 ราย ซึ่งเป็นบัญชีที่เป็นเกินหนึ่งล้านบาทเพียง 1,600,000 รายเท่านั้น ปรากฏว่ามีผู้ฝากเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท มี 81.3 ล้านราย คิดเป็น 98 เปอร์เซ็นต์ของผู้ฝากเงินทั้งหมดของระบบสถาบันการเงิน ดังนั้นจึงเป็นการลดภาระในเรื่องของงบประมาณของรัฐ ที่จะต้องไปดูแลสถาบันการเงินต่าง ๆ และตอนนี้สถาบันการเงินก็สามารถที่จะดูแลตัวเองได้ด้วยความเข้มแข็ง ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมายืนยันแล้วว่ามีกฎระเบียบมาตั้งแต่ปี40 มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งปัจจุบันทุกอย่างก็เป็นไปตามกำหนดกฎเกณฑ์นั้น
ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปดูแลเงินฝากในเรื่องของการคุ้มครองเต็มจำนวนทั้งหมด ดังนั้นตอนนี้ 1 ล้านบาท ก็ให้ความสบายใจได้ว่าสามารถที่จะดูแลต่อหนึ่งสถาบันการเงินที่ฝากได้ เช่น หากใครมีบัญชีอยู่ 4 ธนาคาร ก็ดูแลในบัญชีแต่ละสถาบันการเงินสถาบันละ 1 ล้านอยู่แล้ว ดังนั้นจึงขอชี้แจงว่าประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนก กับประเด็นที่ออกมาเป็นข่าวในช่วง1-2 วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากชาร์ทที่นำเสนอระบุว่า การปรับลดวงเงินดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 64 โดยปัจจุบันสถาบันการเงินมีฐานะเข้มแข็ง ภายใต้การกำกับดูแลของแบงก์ยว0ชาติ จากเงินกองทุน และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง และยังสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค สถาบันการเงินยังมีศักยภาพในการให้ความช่วยเหลือตามมาตรการ ทางการเงินและรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจจาก โควิด-19