วิจัยชี้ สหรัฐฯ อาจรายงานยอดดับเอี่ยวโควิด-19 ขาดไปเกือบ 75,000
ลอสแอนเจลิส, 13 ต.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (12 ต.ค.) งานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่บนวารสารสมาคมการแพทย์แห่งอเมริการะบุว่า สหรัฐฯ อาจรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ขาดไปเกือบ 75,000 รายในช่วงมีนาคม-กรกฎาคม
คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย คอมมอนเวลธ์ ในเมืองริชมอนด์เผยแพร่ข้อมูลเพิ่มเติมของการวิเคราะห์ "การตายส่วนเกิน" (excess deaths) ซึ่งเป็นส่วนต่างของจำนวนผู้เสียชีวิตที่คาดการณ์กับจำนวนผู้เสียชีวิตที่ปรากฏจริง โดยคณะนักวิจัยคาดว่าในช่วงเดือนมีนาคม-กรกฎาคม อาจมีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวพันกับโรคโควิด-19 จำนวนมากกว่าที่มีการบันทึกไว้เกือบ 75,000 รายวิจัยฉบับก่อนๆ เกี่ยวกับการตายส่วนเกินในช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 พบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ที่รายงานอย่างเป็นทางการต่ำกว่ายอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งรวมถึงยอดผู้เสียชีวิตทั้งที่มีการบันทึกและไม่มีการบันทึก โดยมีสาเหตุการตายมาจากการป่วยเป็นโรคโควิด-19 หรือเสียชีวิตจากเหตุอื่นที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่คณะนักวิจัยตรวจสอบเอกสารมรณบัตรจำนวนหนึ่งและพบว่าในจำนวนการตายส่วนเกินทั้งหมด 225,530 ราย มีผู้เสียชีวิตเพียง 150,541 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 67 ที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเกี่ยวข้องกับการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ในช่วงเดือนมีนาคม-กรกฎาคมดังนั้น
งานวิจัยจึงระบุว่าการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 อาจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตทางอ้อมของประชาชนเกือบ 75,000 ราย พร้อมระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากโรคโควิด-19 เพิ่มสูงในช่วงสัปดาห์แรกๆ ที่เกิดการระบาดใหญ่ โดยมี "นัยสำคัญเชิงสถิติ" ถึง 2 ครั้งกล่าวคือ อัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 21 มี.ค. จนถึงสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 11 เม.ย. ขณะที่ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 พุ่งสูงในประเทศ ส่วนอัตราการเสียชีวิตจากโรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อมเพิ่มสูง 2 ครั้ง ในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 21 มี.ค. จนถึงสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 11 เม.ย. และสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 6 มิ.ย. จนถึงสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 25 ก.ค.