สรุปเหตุการณ์ "สหรัฐฯ สั่งปิดท่อส่งน้ำมันหลัก" เพราะถูกแฮก

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัท Colonial Pipeline บริษัทผู้ดูแลท่อส่งน้ำมันฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ พบว่าระบบของตัวเองนั้นโดนแฮก ทำให้ทางบริษัทต้องหยุดการทำงานของท่อส่งน้ำมันทั้งหมด... ทางบริษัทยืนยันว่าทางบริษัทต้องปิดระบบสารสนเทศเพื่อหยุดปัญหาดังกล่าว พร้อมทำการติดต่อ FBI และหน่วยงานรัฐอื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ล่าสุดทางกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศมาตรการฉุกเฉินถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะตอนนี้ทางบริษัทยังไม่สามารถกู้ระบบกลับมาได้สำเร็จ ทำให้บริษัทไม่สามารถส่งน้ำมันออกมาจำหน่ายได้ คำสั่งมาตรการฉุกเฉินนี้ ประกาศเพื่อให้ทางบริษัทสามารถส่งน้ำมันทางรถได้ โดยไม่ติดกฎระเบียบตามปกติ 

หากในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ ผลกระทบจะส่งไปถึงรัฐนิวยอร์ค ปัจจุบันทางบริษัทมีท่อย่อย ๆ แบบจุดต่อจุดอยู่ ที่บริษัทดูแลอยู่ ซึ่งสามารถใช้งานได้ตามปกติ

ใครคือคนแฮกบริษัท Colonial Pipeline ?

ทางบริษัทยังไม่ได้เปิดเผยว่าใครเป็นผู้โจมตีตน แต่แหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผย ระบุว่ากลุ่มที่น่าจะทำเรื่องอย่างนี้ได้คือพวกกลุ่ม DarkSide กลุ่มดำเนินการมัลแวร์เรียกค่าไถ่ระดับมืออาชีพ เพราะการแฮกมีช่องทางให้ติดต่อชัดเจน และยังมีการกระจ่ายข่าวให้สื่อมวลชน ในขณะที่ James Chappell บริษัทความปลอดภัยไซเบอร์ Digital Shadows ระบุว่า หากเป็น DarkSide เป็นไปได้ที่กลุ่มแฮกเกอร์ซื้อรหัสผ่านรีโมตเข้าไปทำงาน เช่น รหัส TeamViewer หรือ Microsoft Remote Desktop เพื่อแฮกเครือข่ายโดยตรง

ท่อส่งน้ำมันทั้งหมดของบริษัท Colonial Pipeline

ท่อส่งน้ำมันของบริษัท Colonial Pipeline ทั้งหมดที่บริษัทดูแลมีความยาวทั้งหมด 8,850 กิโลเมตร ขนส่งน้ำมัน 45% ของน้ำมันที่ใช้งานในฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ทั้งหมด คิดเป็นน้ำมันประมาณ 400 ล้านลิตรต่อวัน ประกอบไปด้วยน้ำมันรถยนต์, น้ำมันเครื่องบิน, น้ำมันเตา, และน้ำมันที่ใช้สำหรับการทหาร

แหล่งที่มา bbc.com