DSI แถลงคืบหน้าหมูเถื่อน คาดตรวจเสร็จวันนี้ก่อนไปทำลายด้วยการฝังกลบ
นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษและนางสาวทิทยาภรณ์ ชูรัตน์ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษแถลงความคืบหน้าการเปิดตู้คอนเทนเนอร์หมูเถื่อน 161 ตู้ เบื้องต้นยืนยันว่าหมูทั้งหมดไม่ได้ผ่านการตรวจโรคจากกรมปศุสัตว์ พร้อมเร่งดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดต่อไป
โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้บูรณาการความร่วมมือกับกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ ทำการเปิดตู้คอนเทนเนอร์ ณสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อตรวจสอบ โดยปัจจุบันได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วทั้งหมดจำนวน 135 ตู้จากทั้งหมดจำนวน 161 ตู้ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันนี้ (วันพุธที่ 12 กรกฎาคม 2566) ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีจำนวน 4 ตู้ที่เครื่องทำความเย็นเสีย ทำให้เนื้อสุกรภายในตู้เน่าเสีย
การเปิดตู้เนื้อสุกรแช่แข็งดังกล่าวเป็นการตรวจสอบเพื่อยืนยันจำนวนการนำเข้าและเพื่อตรวจยืนยันว่าผู้ใดเป็นผู้นำเข้าเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดี โดยสินค้าประเภทสุกรแช่แข็งจำนวน 161 ตู้ดังกล่าว ได้รับการยืนยันจากกรมปศุสัตว์ว่าเป็นสินค้าที่ไม่ผ่านการตรวจโรคตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ฯ ซึ่งตามกฎหมาย ในการนำเข้าจะต้องผ่านการตรวจโรคจากกรมปศุสัตว์และต้องสำแดงการนำเข้าให้ถูกประเภท
พฤติการณ์ดังกล่าวจึงเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหลีกเลี่ยงข้อจำกัดตามมาตรา 244 แห่ง พ.ร.บ.
ศุลกากรฯ และเนื้อสุกรแช่แข็งดังกล่าว ถือเป็นของอันพึงริบตามมาตรา 166 ของกฎหมายดังกล่าวด้วย ซึ่งหากสำแดงถูกต้อง รัฐจะสามารถจัดเก็บภาษีอากรได้เป็นเงินจำนวนกว่า 460 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้เร่งทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรวดเร็ว รัดกุมรอบคอบ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่นำเข้าชิ้นส่วนหมูเนื้อหมู รวมถึงขยายผลไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระทำความผิด เพื่อเป็นการตัดวงจรความเสี่ยงที่จะเกิดโรคระบาดต่อสุกรที่เลี้ยงในเมืองไทย และคุ้มครองผู้บริโภค ก่อนจะมีการสรุปผลและประชุมกันเพื่อวางแผนนำไปทำลายด้วยการฝังกลบต่อไป
นอกจากนั้นยังเป็นประโยชน์กับผู้เลี้ยงสุกรในเมืองไทยที่ลดคู่แข่งที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกฎหมาย สร้างสมดุลให้กับตลาดค้าเนื้อหมูชิ้นส่วนหมูที่เกษตรกรเลี้ยงกันภายในประเทศ ที่ ห้องรับรองกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ(เมื่อวันที่ 12 ก.ค.66)
ภาพโดย: ธนาชัย ประมาณพาณิชย์