รีเซต

'พี่เอ้' ขอโอกาสคนกรุงฯ เชื่อปมปล่อยไก่ 'ทายาทไอน์สไตน์' ไม่เกี่ยวคะแนนเลือกตั้ง

'พี่เอ้' ขอโอกาสคนกรุงฯ เชื่อปมปล่อยไก่ 'ทายาทไอน์สไตน์' ไม่เกี่ยวคะแนนเลือกตั้ง
ข่าวสด
19 ธันวาคม 2564 ( 09:14 )
66
'พี่เอ้' ขอโอกาสคนกรุงฯ เชื่อปมปล่อยไก่ 'ทายาทไอน์สไตน์' ไม่เกี่ยวคะแนนเลือกตั้ง

“เอ้ สุชัชวีร์” ประชาธิปัตย์ ขอโอกาสรับใช้ คนกรุงเทพฯ ชี้ ผู้ว่าฯ ควรมีทักษะหลายอย่าง เชื่อปมปล่อยไก่ "ทายาทไอน์สไตน์" ไม่เกี่ยวกับคะแนนเสียง

 

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม นาย สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)เดินทางมาร่วมงานฌาปนกิจศพ นายฐากูร บุนปาน อดีตรองประธานเครือ มติชน ที่วัดเสมียนนารี และกล่าวถึงการ เลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะมีขึ้นกลางปี 2565 ว่า

 

การที่ตนประกาศตัวลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้ประกาศชัดเจนว่าขออาสามารับใช้ เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันให้ คน กทม. เพื่อที่จะเปลี่ยนกรุงเทพฯ เพราะเราเชื่อมั่นว่าเราทำได้ เพราะวันนี้กรุงเทพฯต้องการการเปลี่ยนแปลงจริงๆ โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วมที่ถือเป็นภารกิจแรกที่ขอมาแก้ปัญหา โดยมีแผนแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพราะถ้าไม่เริ่มต้นแก้วันนี้อนาคตกรุงเทพฯลำบากแน่นอน

 

นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า ตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นตำแหน่งที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นทั้งพ่อบ้าน ปัดกวาดบ้านดูแลลูก ดูแลพ่อแม่ ดูแลทุกอย่าง แล้วยังต้องเป็นนายช่างใหญ่ นั่นหมายความว่าทักษะของผู้ที่จะมาเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องใช้ทักษะรอบด้าน ไม่จะเป็นทักษะด้านวิศวกรรมที่ต้องมีความรู้อย่างลึกซึ้ง ไม่ฉะนั้นจะไม่สามารถแนะนำ หรือสั่งการทีมงาน กทม.ได้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องก่อสร้าง การแก้ปัญหาฝุ่นพิษ การแก้ปัญหาน้ำท่วม การแก้ปัญหาจราจร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องมีความรู้ทางด้านนี้

 

“เราทำมาแล้วและเห็นว่าจะสามารถทำได้ มองว่าผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครควรมีทักษะเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านการช่าง วิศวกรรม ทักษะทางด้านการศึกษา ทักษะทางด้านสาธารณสุข และทักษะด้านสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญคือต้องแก้ปัญหาอย่างดุดัน เพราะกรุงเทพฯเป็นเมืองที่ใหญ่ ปัญหาก็ใหญ่ จะคิดเล็กกว่าปัญหาไม่ได้ ต้องคิดใหญ่กว่าปัญหา ไม่เช่นนั้นเราจะไปดักทางปัญหาไม่ได้

 

ผมมีความตั้งใจและขอโอกาสคนกรุงเทพฯ ขอเป็นตัวแทนทุกคน ตัวแทนมนุษย์พ่อ มนุษย์แม่ ซึ่งมีลูกเล็กที่เจอปัญหาฝุ่น เจอปัญหาสุขภาพที่อยากจะหาหมอใกล้บ้าน ขอเป็นตัวแทนคนที่ต้องทำงานเพื่อครอบครัว ทำงานแทนคนรุ่นใหม่ๆ เพราะวันนี้เราต้องสร้างอนาคต และที่สำคัญต้องต่อสู้กับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น ปัญหาน้ำท่วม เป็นต้น” นายสุชัชวีร์ กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าประเด็นดราม่า ที่เป็นทายาทสายตรงของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นายสุชัชวีร์กล่าวว่า เป็นลูกศิษย์ศาสตราจารย์ เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ จริงๆ และเป็นความเชื่อ และความศรัทธาโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่เชื่อและศรัทธาคนเดียวเท่านั้น ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่มีโอกาสไปเรียนกับศาสตราจารย์เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ ก็ถูกบอกเล่าอย่างนั้น ซึ่งศาสตราจารย์เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นคนเก่ง เป็นคนดี ทำให้เราศรัทธาจริงๆ ซึ่งที่ผ่านกว่า 10 ปี ที่พูดสร้างแรงบันดาลใจว่าเป็นเด็กบ้านนอก มีโอกาสไปเรียนเอ็มไอที มีโอกาสเรียนกับศาสตราจารย์เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์

 

“ผมเข้าใจเมื่อก้าวออกมาทำงานการเมืองก็เจอรับน้องทางการเมือง แต่ขอให้รับน้องกันเบาๆ หน่อย ไม่ได้โกรธใครเลย และเห็นใจศาสตราจารย์เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่ต้องมาเจอเหตุการณ์นี้ พร้อมอธิบายอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา เมื่อเกิดเรื่องทางพรรคก็ให้กำลังใจ บอกว่าต้องอดทน ส่วนเมื่อมีดราม่าจะทำให้คะแนนนิยมลดลงหรือไม่ ผมไม่คิดเช่นนั้น ผมเชื่อว่าคนกรุงเทพฯให้โอกาสคน ส่วนทำไมขณะที่เรียนไม่สอบถามศาสตราจารย์เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ โดยตรงว่าเป็นทายาทหรือไม่ เพราะทุกคนเชื่อแบบนั้น แล้วไม่มีใครถามเรื่องครอบครัวกัน” นายสุชัชวีร์กล่าว

  • ขอบคุณ : มติชน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง