รีเซต

แก้หนี้นอกระบบ ลงทะเบียนพุ่ง 133,621 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จแล้ว 6,573 ราย

แก้หนี้นอกระบบ ลงทะเบียนพุ่ง 133,621 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จแล้ว 6,573 ราย
TNN ช่อง16
23 มกราคม 2567 ( 19:47 )
68

ยอดลงทะเบียนหนี้นอกระบบครบ 54 วัน มูลหนี้ 8,879 ล้านบาท ลงทะเบียนแล้วกว่า 1.33 แสนราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จแล้ว 6,573 ราย 

วันนี้ (23 ม.ค. 67) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นวันที่ 54 นับตั้งแต่เปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา 


จากข้อมูลของสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เมื่อเวลา 15.00 น. มีมูลหนี้รวม 8,879.562 ล้านบาท ประชาชนลงทะเบียนแล้ว 133,621 ราย เป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 113,755 ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 19,866 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 99,551 ราย


มีพื้นที่/จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 5 ลำดับแรก


1. กรุงเทพมหานคร ยังคงมากที่สุด มีผู้ลงทะเบียน 11,049 ราย เจ้าหนี้ 7,116 ราย มูลหนี้ 788.062 ล้านบาท 


2. จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน 5,438 ราย เจ้าหนี้ 4,832 ราย มูลหนี้ 363.270 ล้านบาท 


3. จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน 4,969 ราย เจ้าหนี้ 3,416 ราย มูลหนี้ 383.013 ล้านบาท 


4. จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียน 4,932 ราย เจ้าหนี้ 3,769 ราย มูลหนี้ 324.624 ล้านบาท


5. จังหวัดขอนแก่น มีผู้ลงทะเบียน 3,492 ราย เจ้าหนี้ 2,887 ราย มูลหนี้ 291.408 ล้านบาท 


ขณะที่จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่


1. จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน 211 ราย เจ้าหนี้ 217 ราย มูลหนี้ 11.893 ล้านบาท 


2. จังหวัดระนอง มีผู้ลงทะเบียน 292 ราย เจ้าหนี้ 205 ราย มูลหนี้ 19.593 ล้านบาท 


3. จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ลงทะเบียน 351 ราย เจ้าหนี้ 271 ราย มูลหนี้ 11.312 ล้านบาท 


4. จังหวัดตราด มีผู้ลงทะเบียน 426 ราย เจ้าหนี้ 327 ราย มูลหนี้ 18.285 ล้านบาท 


5. จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ลงทะเบียน 460 ราย เจ้าหนี้ 330 ราย มูลหนี้ 22.975 ล้านบาท

สำหรับข้อมูลการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบทั่วประเทศพบว่า มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว 12,561 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 6,573 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 1,260.946 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 705.736 ล้านบาท มูลหนี้ลดลง 555.210 ล้านบาท และจังหวัดที่สามารถนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้มากที่สุดยังคงเป็นจังหวัดนครสวรรค์เช่นเดิม 


โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 2,994 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 140 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 232.213 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 10.348 ล้านบาท ทำให้มูลหนี้ของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ลดลง 221.865 ล้านบาท สำหรับกรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือกระทั่งไม่สามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการส่งสำนวนแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจในพื้นที่ ซึ่งมีการดำเนินคดีไปแล้ว 80 คดี ใน 27 จังหวัด

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอได้ใช้กลไกระดับพื้นที่ทำการประชาสัมพันธ์ในเรื่องการลงทะเบียนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้เข้ามาลงทะเบียนขอรับการช่วยเหลือจากทางภาครัฐอย่างครอบคลุมและทั่วถึง รวมทั้งให้ทุกพื้นที่ดำเนินกระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้สินทันทีที่ได้รับการลงทะเบียน เพื่อให้ลูกหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนไว้ได้รับการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบได้รวดเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำทุกอำเภอได้ดำเนินการจัดกิจกรรม “ตลาดนัดแก้หนี้” อย่างน้อยเดือนละ 4 ครั้ง หนุนเสริมเพิ่มเติมจากตลาดนัดแก้หนี้ระดับจังหวัดที่มีการจัดเดือนละ 1 ครั้ง โดยบูรณาการกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันการเงิน เพื่อนำเข้าสู่หนี้ในระบบควบคู่กับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน

“ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่นท้องที่ ตลอดจนภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคีทุกพื้นที่ทั่วประเทศ บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปให้คำปรึกษาพี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึง และเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม จึงขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้การรับลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นตัวกลางในการประสานงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกและให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยยังคงเปิดรับลงทะเบียนพี่น้องประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบ ทั้งทางระบบออนไลน์ที่ https://debt.dopa.go.th หรือลงทะเบียนได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขตทั่วประเทศ จนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย


ที่มา รัฐบาล

ภาพจาก AFP

ข่าวที่เกี่ยวข้อง