UN ลงมติท่วมท้น ให้รัสเซียถอนทหารจากยูเครน
--- UN ลงมติรัสเซียถอนทหาร ---
ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติวาระฉุกเฉินว่าด้วยวิกฤตยูเครน ลงมติเรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารออกจากยูเครนในทันที โดยมีรัฐบาลไทยร่วมลงมติเรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารด้วยเช่นกัน
หลังการหารือนาน 2 วัน ในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติวาระฉุกเฉินครั้งแรก นับแต่ปี 1997 ที่ประชุมได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 141 จาก 193 ชาติสมาชิกเรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารออกจากยูเครน หลังผู้นำรัสเซียดำเนินปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ โดยอ้างว่าเพื่อคุ้มครองสาธารณรัฐประชาชนในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน
เมื่อผลการลงคะแนนปรากฏบนหน้าจอในที่ประชุม ผู้แทนชาติสมาชิกบางประเทศได้ลุกขึ้นยืน เพื่อแสดงความยินดีต่อมติที่ออกมา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
--- 40 ประเทศไม่ยืนยันมติ ---
อย่างไรก็ดี มี 35 ประเทศที่ ‘งด’ ออกเสียง รวมถึง จีน และมี 5 ประเทศที่ลงคะแนนต่อต้านมตินี้ คือ เอริเทรีย เกาหลีเหนือ ซีเรีย เบลารุส และรัสเซียเอง
มติของที่สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ เป็นการลงมติว่า รัสเซียละเมิดมาตรา 2 ของกฎบัตรสหประชาชาติ ว่าด้วย สมาชิกทั้งปวงต้องระงับกรณีพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติวิธี ในลักษณาการเช่นที่จะไม่เป็นอันตรายแก่สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศและความยุติธรรม และสมาชิกทั้งปวงจักต้องละเว้นการคุกคามหรือการใช้กำลังบูรณภาพแห่งอาณาเขต หรือเอกราชทางการเมืองของรัฐใด ๆ
--- การประณามขั้นรุนแรงที่สุด ---
การลงมตินี้ “ประณามการรุกรานยูเครนอย่างรุนแรงที่สุด” และประณามประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่สั่งเตรียมความพร้อมกองกำลังนิวเคลียร์
นักการทูตมองว่า การลงมติครั้งนี้ คือความสำเร็จของประชาธิปไตยเหนือเผด็จการ ท่ามกลางปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง
นายอันโตนิอู กูแตร์เรส เลขาธิการยูเอ็นกล่าวหลังที่ประชุมลงมติว่า นี่เป็นการส่งสารที่ดังและชัดเจนว่าให้ยุติความรุนแรงในยูเครน เสียงปืนต้องเงียบลง และเปิดประตูสำหรับการเจรจาและการทูตทันที บูรณภาพและอธิปไตยเหนือดินแดนของยูเครนต้องได้รับการเคารพซึ่งสอดคล้องกับกฏบัตรสหประชาชาติ พร้อมระบุว่า เราไม่มีเวลาที่จะสูญเสียอีกต่อไปแล้ว เพราะเกิดผลกระทบจากความขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัด และมันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมากสำหรับชาวยูเครนขณะนี้ และเป็นไปได้ว่ามันจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้มติดังกล่าวจะไม่มีผลผูกพันในทางกฎหมายต่อชาติสมาชิก แต่ถือว่ามีน้ำหนักในทางการเมือง เพราะสะท้อนถึงจุดยืนร่วมกันของประเทศส่วนใหญ่ ท่ามกลางข้อสงสัยว่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในยูเครนได้หรือ
--- เจรจาสันติภาพรอบ 2 คืบหน้า ---
สำหรับความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพรอบ 2 ระหว่างรัสเซียกับยูเครน
สำนักข่าว CCTV ของจีน รายงานโดยอ้างสำนักข่าว RIA Novosti ของรัสเซีย ว่า ขบวนรถของคณะเจรจาสันติภาพของรัสเซียเดินทางถึงเมือง เบโลเวสซกาย่า พุชค่า ในเบลารุส ใกล้พรมแดนโปแลนด์แล้วเมื่อวานนี้ (2 มีนาคม) เพื่อเปิดการเจรจาสันติภาพยุติสงครามในยูเครนเป็นรอบที่ 2 จากการเปิดเผยของ วลาดิเมียร์ เมดินสกี ผู้ใกล้ชิดประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ต่อสำนักข่าวรัสเซียดังกล่าว
ส่วนคณะเจรจาของยูเครน กำลังเดินทางไปยังเบลารุส คาดว่าจะถึงในวันนี้ (3 มีนาคม)
รายงานข่าวคาดว่า คณะเจรจาของรัสเซียกับยูเครน จะหารือถึงความเป็นไปได้ในการหยุดยิง และการจัดตั้งเขต “ฉนวนมนุษยธรรม” รวมทั้งจะตกลงกันเรื่องสถานที่ในการเจรจาสันติภาพครั้งต่อ ๆ ไป
การเจรจารอบแรกเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในเบลารุส ใช้เวลานาน 6 ชั่วโมง แต่ไร้ผลที่จะยุติสงคราม นอกจากทั้ง 2 ฝ่ายต่างระบุว่า จะมีการเจรจารอบต่อไปในเร็ววัน
—————
แปล-เรียบเรียง: สุภาพร เอ็ลเดรจ
ภาพ : Reuters