รีเซต

"สภาพัฒน์" แนะเร่งตั้ง"นากก้า"อุ้มเอสเอ็มอี

"สภาพัฒน์" แนะเร่งตั้ง"นากก้า"อุ้มเอสเอ็มอี
TNN ช่อง16
27 พฤษภาคม 2568 ( 13:38 )
7

รายงานข่าวจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช.ได้จัดทำบทวิเคราะห์ ผลกระทบของนโยบายการค้าสหรัฐ และจีน ต่อธุรกิจเอสเอ็มอีไทย ในการรายงานภาวะเศรษฐกิจ ไทยในไตรมาสแรกและแนวโน้มปี 68 โดยระบุว่า มาตรการกีดกัน ทางการค้าระหว่างสหรัฐ และมาตรการตอบโต้ของประเทศคู่ค้า มีแนว โน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการค้าโลกและเศรษฐกิจไทยอย่าง มีนัยสำคัญ

ทั้งนี้การส่งผลกระทบจะผ่านการส่งออกและผลกระทบจากการแข่งขันทางด้านราคาของสินค้านำเข้าจากประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะจีนซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะอุปสงค์ภายในประเทศชะลอตัว ที่จำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์ด้านการค้าโดยเร่งระบายการส่งออกสินค้าไปยังประเทศคู่ค้าอื่น รวมทั้งประเทศไทย เพื่อชดเชยการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ ที่ลดลง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศโดยเฉพาะเอสเอ็มอี



อย่างไรก็ตาม ภาครัฐจึงควรให้ความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ประสบปัญหาด้านการเข้าถึงสภาพคล่อง โดยมุ่งเน้นการสร้างรายได้และยกระดับศักยภาพการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถให้แก่เอสเอ็มอี ควบคู่ไปกับการลดช่องว่างในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เช่น การเร่งรัดการจัดตั้งสถาบันค้าประกันเครดิตแห่งชาติ หรือแนกก้า เพื่อยกระดับกลไกการค้าประกันให้มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการเร่งรัดโครงการ Your Data ที่จะเป็นฐานข้อมูลที่สาคัญของ แนกก้า รวมถึงการส่งเสริมบทบาทของผู้ให้บริการสินเชื่อทางเลือกอย่างนอนแบงก์ และฟินเทค ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ประกอบการที่ธนาคารพาณิชย์ไม่สามารถให้บริการได้ เพื่อเพิ่มโอกาสให้เอสเอ็มอี สามารถเข้าถึงสินเชื่อและสภาพคล่องได้ดียิ่งขึ้น


ข้อมูลล่าสุด จากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือสสว. ระบุว่าปี 67 มีโรงงานในไทยที่เลิกกิจการ 536 แห่ง และในจำนวนนี้ มี 142 แห่ง หรือ 25% เป็นโรงงานที่ผลิตสินค้าใกล้เคียงกับสินค้าที่นำเข้าจากจีนในสัดส่วนที่สูง เช่น ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโลหะ ประดิษฐ์ และจากข้อมูลการปิดกิจการโรงงานในไทยไตรมาสแรกของปี 68 พบว่ามี 124 แห่ง ที่ปิดกิจการ โดย 36 แห่ง เป็นโรงงานที่ผลิตสินค้าใกล้เคียงกับสินค้านำเข้าจากจีน และกว่า 75% เป็นธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง