สหรัฐฯ เริ่มจัดส่งวัคซีนโควิด-19 'จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน' ทั่วประเทศ

วอชิงตัน, 2 มี.ค. ( ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (1 มี.ค.) สหรัฐฯ ได้เริ่มจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson) ไปยังรัฐต่างๆ หลังจากวัคซีนตัวนี้ซึ่งกำหนดฉีดแค่เพียงโดสเดียว ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อฉีดให้แก่ประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป
รถบรรทุกวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันกำลังมุ่งหน้าสู่รัฐและแหล่งฉีดวัคซีนหลายแห่ง ที่ต้องการวัคซีนเพิ่มเพื่อคุมการระบาดของโรคโควิด-19
รัฐบาลของโจ ไบเดนคาดว่าการจัดส่งวัคซีนจะถึงรัฐและจุดฉีดวัคซีนต่างๆ ได้เร็วที่สุดในวันอังคาร (2 มี.ค.)
จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ระบุว่า บริษัทฯ ได้จัดเตรียมวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไว้ 4 ล้านโดสสำหรับการจัดส่งรอบแรก และคาดว่าจะส่งมอบวัคซีนได้มากกว่า 20 ล้านโดสภายในเดือนมีนาคม
สแตนลีย์ เพิร์ลแมน ศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยาและภูมิคุ้มกันวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยไอโอวาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า "วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จะช่วยเร่งโครงการฉีดวัคซีนได้ส่วนหนึ่ง เพราะว่ามันไม่จำเป็นต้องพึ่งพาระบบห่วงโซ่ความเย็นแบบเดียวกับวัคซีนชนิดอาร์เอ็นเอ (RNA vaccines)"
เมื่อวันเสาร์ (27 ก.พ.) ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ อนุมัติการใช้ในกรณีฉุกเฉินแก่วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
ต่อมาในวันอาทิตย์ (28 ก.พ.) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ ได้แนะนำให้ฉีดวัคซีนตัวดังกล่าวสำหรับชาวอเมริกันที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตัวที่ 3 ที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินในสหรัฐฯ โดยสำนักงานฯ ถัดจากวัคซีนตัวแรกที่พัฒนาร่วมกันโดยไฟเซอร์ (Pfizer) ผู้ผลิตยาสัญชาติอเมริกันและไบออนเทค (BioNTech) บริษัทสัญชาติเยอรมัน และวัคซีนตัวที่ 2 ที่พัฒนาโดยโมเดอร์นา (Moderna) ผู้ผลิตยาสัญชาติอเมริกัน
วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ถูกกำหนดให้ฉีดเพียงโดสเดียวเท่านั้น รวมถึงยังไม่มีข้อกำหนดให้เก็บรักษาในอุณหภูมิเย็นจัด แตกต่างจากวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทค และของโมเดอร์นา ที่ต้องฉีดสองโดส
ข้อมูลจากศูนย์ฯ ระบุว่า เมื่อนับถึงวันจันทร์ (1 มี.ค.) สหรัฐฯ ได้แจกจ่ายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไปแล้วกว่า 96 ล้านโดสทั่วประเทศ และฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 76 ล้านโดส
"ขณะนี้ การผลิตและการจัดส่งกำลังได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ทั้งสองเรื่องนี้จึงไม่เป็นปัญหาอย่างที่เคย" เพิร์ลแมนกล่าวพร้อมชี้ว่า "แต่การลังเลที่จะรับวัคซีนนั้นอาจจะกลายเป็นปัญหาแทน"