“กองทุนนอร์เวย์” ขาดทุน 4 หมื่นล้านดอลล์

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของนอร์เวย์ มูลค่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รายงานผลขาดทุนสูงสุดในรอบ 6 ไตรมาส สะท้อนภาวะผันผวนของตลาดโลก โดยสาเหตุหลักมาจากการลดลงของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี
ทั้งนี้ Norges Bank Investment Management ซึ่งเป็นเจ้าของหุ้นบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่สุดของโลก รายงานเมื่อวันที่ 23 เม.ย.68 ว่า กองทุนขาดทุน 0.6% หรือประมาณ 40,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสแรกของปี ซึ่งนับเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2566
Nicolai Tangen ซีอีโอของกองทุน กล่าวว่า “ไตรมาสนี้ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีที่ให้ผลตอบแทนติดลบ”
อย่างไรก็ตามความปั่นป่วนในตลาดที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายน ยังไม่สะท้อนในงบไตรมาสแรกนี้ โดยกองทุนมีมูลค่าลดลงราว 200 ล้านดอลลาร์ หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีครั้งใหญ่ในช่วงต้นเดือนเมษายน
พอร์ตของกองทุนเน้นหนักไปที่หุ้นเทคโนโลยี เช่น Apple, Microsoft, Nvidia, Alphabet, Amazon และ Meta รวมถึงถือหุ้น Tesla อยู่ประมาณ 1.8% ด้วย แม้หุ้นเหล่านี้เคยสร้างผลตอบแทนสูงถึง 13% ในปี 2023 แต่ในปี 2567 กองทุนเริ่มลดสัดส่วนการถือหุ้นกลุ่มเทคฯ ลงบางส่วน เพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับฐานราคาของหุ้นที่ครองตลาดโลก ตามที่รองซีอีโอ Trond Grande เคยให้เหตุผลไว้
กองทุนมีโครงสร้างตามดัชนีอ้างอิงที่กำหนดโดยกระทรวงการคลังนอร์เวย์ โดยอิงกับดัชนี FTSE Global All Cap Index สำหรับหุ้น และ Bloomberg Barclays Index สำหรับตราสารหนี้ตามข้อกำหนด กองทุนสามารถลงทุนในลักษณะ active ได้ ราว 1.45% แต่ในปีที่แล้วใช้ไปเพียง 0.21%
ในไตรมาสแรกของปีนี้ รัฐบาลนอร์เวย์ได้ฝากเงินเข้าไปในกองทุนอีก 7.8 หมื่นล้านโครเนอร์ หรือประมาณ 7.5 พันล้านดอลลาร์
ปัจจุบันกองทุนถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ กว่า 8,600 แห่งทั่วโลก และ Jens Stoltenberg รัฐมนตรีคลังนอร์เวย์ ประกาศว่ากำลังพิจารณาลดจำนวนบริษัทในพอร์ตลง โดยเฉพาะในหุ้นขนาดเล็กในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งกระบวนการปรับพอร์ตในระดับนี้จะต้องใช้เวลา