รีเซต

หมอชลน่าน สรุปปิดศึกซักฟอก ชวน ส.ส.ฟาก รบ.มาร่วมลงมติไม่ไว้วางใจ นายกฯ-รมว. 9 คน

หมอชลน่าน สรุปปิดศึกซักฟอก ชวน ส.ส.ฟาก รบ.มาร่วมลงมติไม่ไว้วางใจ นายกฯ-รมว. 9 คน
มติชน
19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 23:30 )
79

เวลา 21.30 น. ที่ประชุมรัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการทำหน้าที่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เป็นมากตรการที่เราถือว่ามีความจำเป็น และเข้มข้นที่สุดในการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายนิติบัญญัติในฐานะตัวแทนของพี่น้องประชาชน ขอบคุณที่นายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายใส่ใจให้การอภิปรายครั้งนี้เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ฝ่ายค้านทุกคนล้นทำหน้าที่ด้วยใจสุจริต การใช้วาทะ ถ้อยคำ หรือการแสดงบางสิ่งอาจทำให้หลายท่านไม่สบายใจ ตนในฐานะตัวแทนต้องกราบขออภัย ในการอภิปรายครั้งนี้ทั้งหมดภาพรวมเราฝ่ายค้านได้ชี้ให้เห็การบริหารงานผิดพลาดตามข้อกล่าวหาได้อย่างชัดเจน สาเหตุที่ทำให้เกิดความล้มเหลวี่เกิดขึ้นนั้นเกิดจาก 1.เกิดจากวิธีคิด จิตสำนึก ลีลาชีวิต และคุณลักษณะส่วนบุคคลนการบริหารราชการแผ่นดิน 2.ความเชื่อมั่น และการยอมรับนับถือจากต่างประเทศ 3.ความรู้ความสามารถ ภูมิปัญญา วุฒิภาวะของนายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหา 4.การทุจริต การแสวงหาผลประโยชน์ การเอื้อประโยชน์ 5.จริยธรรม และ 6.การไม่ยึดมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 57 ถดถอยมาตลอด ความยากจนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความเหลื่มล้ำเพิ่มขึ้น ท่านทำให้คนในประเทศจนกันถ้วนหน้า ศักยภาพในการแข่งขันกับต่างประเทศลดลง สู้ใครไม่ได้ ธุกิจออนไลน์ที่จะเป็นโอกาสก็ถูกเบียดไปอย่างชัดเจน เรากำลังถูกนานาอารยประเทศที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยออกระเบียบมากำหนดวิถีชีวิตประชาชนในประเทศของเรา เขาจะบอยคอตหรือแซงชั่นเรา เหตุต่างๆที่เกิดขึ้นเพราะท่านยึดอำนาจเข้ามาปกครองประเทศ แล้ววางแนวทางการสืบทอดอำนาจโดยใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือ มีมาตรา 44 ที่ทำให้ท่านมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งอำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดนี้ เราเรียกกันว่า ระบอบเผด็จการ ใช้ดำเนินการในหลายเรื่องจนเป็นเหตุ และเป็นผลพวงที่พวกเรานำมาอภิปรายวันนี้ เช่น กรณีเหมืองทองอัคราการยกเลิกพ.ร.บ.ร่วมทุน ยกเลิกการทำพีไอเอ จนทำให้เราต้องมาอภิปรายไม่ไว้วางใจท่านในวันนี้

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้มีกระบวนการสมคบคิด แบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อครองอำนาจ ผ่านระบบ 3 ป. สามารถคุมองค์กรต่างๆได้หมด พี่น้องประชาชนจึงเรียกพวกท่านว่า สภาปลวก เพราะท่านมากัดกินบ้านทีละนิดๆ กัดกินประชาธิปไตยทีละนิด เราต้องช่วยกันทำให้ระบอบประชาธิปไตยกลับมาให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบไทยๆอย่างนี้ อย่างไรก็ตาม จากการอภิปรายของเพื่อนสมาชิก คำตอบชี้แจงข้อกล่าวหาไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อตัวผู้ที่ถูกอภิปรายเลย หลายเรื่องท่านไม่ตอบ เงียบไปเลย กรณีนายกฯตั้งที่ปรึกษาที่มาจากธนาคารกรุงไทย บางกรณีตอบแต่เบี่ยงเบนประเด็น เช่น กรณีเหมืองทองที่ต้องชดใช้ก็เบี่ยงไปตอบเรื่องคดีจำนำข้าว ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ว่า ถามวัวตอบควาย บางเรื่องแปลกที่ท่านตอบได้ทันที มีสไลต์ด้วย คยเตรียมข้อมูลท่านเก่งมาก ในการตอบหลายครั้งนายกฯ หรือรัฐมนตรีมักมีถ้อยคำพูดกับสมาชิกที่อภิปรายว่า ไม่สุภาพ กล่าวหา รุนแรง ก็ต้องบอกว่า การอภิปรายคือการตั้งข้อกล่าวหา คนอภิปรายพูดตามความรู้สึก เวทีแห่งนี้ในยุคหลังๆออกไปแล้วไม่มองหน้ากัน เราต้องไปสร้างวัฒนธรรมใหม่ เพราะเมื่อก่อนอภิปรายแล้วออกไปก็เป็นเพื่อร่วมสภากัน เป็นมนุษย์เหมือนกัน วันนี้คำตอบ ถ้าท่านไม่ตอบ แปว่าท่านยอมรับว่าทำ หรือถ้าตอบแบบไม่มีน้ำหนัก ไม่มีหลักฐาน พวกตนก็ถือว่าพวกตนได้เปรียบในทางคดี เรากล่าวหารัฐมนนตรีเป็นรายบุคคล

ประเด็นสำคัญ เช่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อภิปรายโดยเลขาธิการพรรคพท. เรื่องนี้หลายคนบอกท่านไปไอซียูจากกรณีทุจริตถุงมือยาง มีทั้งเอกสารหลักฐาน คลิปเสียง ฯลฯ ผู้อภิปรายได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจน ผู้ที่ทุจริตมีความใกล้ชิดกับรัฐมนตรีอย่างแนบแน่น ท่านรัฐมนตรีตอบชี้แจงมีอาการปรากฎ ทำไมกระดาษที่ท่านถือมันสั่น ประเด็นที่ท่านตอบท่านยอมรับโดยสุจริจใจว่ามีการทุจริตจริง บอกว่าผมจะดำเนินการให้ถึงที่สุดในกรณีนั้นๆ ต่อมาคือกรณีคนนิทของท่านท่านไม่ชี้แจง ตอบเพียงย้อยแย้งว่าคนใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ไปทำความผิดจะไม่ถูกลงโทษหรืออย่างไร และท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงไปรษณีที่แต่งตั้งบอร์ดอคส.เท่านั้น ทั้งที่ท่านเป็นรัฐมนตรีที่กำกับดูแล ถ้าท่านเป็นรัฐมนตรีแล้วเปรียบตัวเองเป็นเพียงแค่บุรุษไปรษณีย์อย่างนี้ ถ้าตนเป็นนายกฯ ตนจะพิจารณาท่านเป็นคนแรกเลย เพราะครม.คงไม่อยากได้รัฐมนตรีที่มาเป็นเพียงบุรุษไปรษณีย์

ต่อมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณม รองนายกฯ ประเด็นข้อกล่าวหามีเยอะมาก แต่ที่อยากให้เห็นคือโครงการทุจริตขุดลอกแหล่งน้ำโดยการใช้งบองค์การทหารผ่านศึก (อคส.) ท่านตอบชี้แค่ ไม่รู้ๆ ไม่เกี่ยวข้อง ไม่เกี่ยวกับตน การตอบแบบนี้คือการจำนนด้วยหลักฐาน และตนก็มีหลักฐานเป็นปึกๆที่จะเอาผิดท่าน ดังนั้น ท่านต้องรู้

ต่อมาคือ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ข้อกล่าวหาเยอะมาก แต่ที่ตนจะนำมาขยายเพราะท่านรัฐมนตรีชี้แจงไม่ชัดเจน คือ กรณีการแต่งตั้งเลขา สกสค. ท่านไม่ได้ชี้แจง บอกเพียงถูกต้องตามระเบียบและหลักเกณฑ์ แต่ผู้อภิปรายได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนเรื่องนี้ กมธ.ศึกษาฯ ก็กำลังสอบอยู่ เรื่องการแต่งตั้งนี้ทั้งส่อไปในทางทุจริต และเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง การแต่งตั้งมีที่มาที่ไป มีการตระเตรียม เรื่องนี้ต้องดำเนินการต่อ เพราะผิดกฏหมายป.ป.ช. มาตรา 127 และ 126(4) รวมไปถึงกรณีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบอร์ด และการกู้เงินขององค์การค้าคุรุสภา เพื่อนำมาจัดพิมพ์หนังสือ ซึ่งมีการทำให้ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์สูงขึ้น และกรณีอื่นๆอีก

ต่อมาคือ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีคมนาคม ท่านเอื้อกลุ่มทุน ล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฟังคำตอบท่านไม่ชัดเจน ท่านอ้างว่าทำได้ ท่านถามว่าใครได้ประโยชน์ แล้วผิดกฎหมายอะไร กรรมเกิดจากการกระทำ แล้วมันจะชัดขึ้น เพราะหลักฐานชัดเจน

ต่อมา คือ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านเอื้อประโยชน์ใหกับเครือญาติเรื่องโครงการจะนะ ไม่ใช่แค่นี้ วันนี้ท่านมีคดีอยู่ในป.ป.ช.เป็นสิบคดี แค่นี้ก็ไม่สมควรที่จะดำรงตำแหน่งนี้ต่อไปแล้ว

ต่อมาคือ นายกฯ ตลอด 4 วันของการอภิปราย ท่านเป็นพระเอกตลอด มีชื่อท่าทุกวัน ถูกกล่าวหาทุกวัน มีใบเสร็จ เหตุที่นายกฯไม่สมควรเป็นนายกฯ ต่อไป คือคดีเหมืองทองอัครา ท่านใช้อำนาจโดยมิชอบ ท่านใช้ มาตรา 44 ที่ท่านออกเองไปปิดเหมือง ท่านใช้กฎหมายพิเศษตามอำเภอใจ หลักฐานมัดแน่นคณะเจรจาเรื่องนี้มีการประชุมลับยกที่เพื่อแลกเปลี่ยนให้ยุติ หรือถอนฟ้อง มีที่ดินที่อนุมัติไปแล้ว และรออนุมัติกว่าล้านไร่เพื่อแลกอาชญาบัตร ท่านเอาทรัพยากร และทรัพย์สินของชาติไปแลกเพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง เป็นชายชาติทหารควรสำนึก เพราะเมื่อก่อนชายชาติทหารเขายอมเอาเลือดเนื้อไปแลกเพื่อปกป้องแผนดิน แต่ชายชาติทหารที่ชื่อประยุทธ์ กลับเอาแผ่นดินไปแลกเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ไว้วางใจไม่ได้ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการรับส่วยแรงงานข้ามชาติ และส่วยบ่อนการพนันอีก ถ้าไม่มีโควิดเรื่องนี้คงฝังอยู่ในสังคมไทย ต้องขอบคุณโควิดที่มาเปิดเผยความเหลวแหลกของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ต่อมาคือมิติทางด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากการบริหารงานล้มเหลว การเยียวยาโควิดเห็นคนในชาติเหมือนปลวกเหมือนมด เหมือนโยนข้าวเปลือกให้ไก่ ใครแข็งแรงก็ได้ไป ใครไม่แข็งแรงก็โดนเบียด ไปจนถึงการจัดหาวัคซีนที่ปิดกั้นทางรอดของคนไทย ผูกขาด ปิดกั้นเอกชนที่จะเข้ามา ถือเป็นความล้มเหลว เราไม่อาจไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ให้บริหารประเทศของเราไปสู่หายนะ เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างในกองทัพ ท่านไม่สามารถชี้แจงได้ ท่านบอกเป็นเพียงระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ท่านในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต้องรับผิดชอบ รวมถึงการใช้อำนาจแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่เอื้ออำนวยให้คนที่ท่านต้องการแต่งตั้ง และไม่เป็นไปตามความเหมาะสม เรื่องนี้ท่านก็ไม่สามารถตอบได้ สิ่งเหล่านี้มาจากการบริหารงานของท่านที่บ่อนเซาะทำลายประเทศ

ต่อมาคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รอง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่องวัคซีนโควิดต้องโทษท่าน

“นี่คือพฤติการณ์และพฤติกรรมเพียงบางประเด็นเท่านั้นที่ตนนำมาขยาย ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่มีคำตอบชี้แจงที่เป็นที่พอใจเลย ถ้าปล่อยให้พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรี 9 ท่าน บริหารราชการแผ่นดินต่อไป จะไปตรงกับข้อกล่าวหาของตนที่บอกว่ามีกระบวนการของการร่มกันคิด แบ่งหน้าที่กันทำ ร่วมกันรับประโยชน์จะคงดำรงอยู่กับประเทศชาติบ้านเมืองเรา ในสภาแห่งนี้ ผมอยากขอร้องไปที่จิตสำนึกของท่าน ตนเชื่อมั่นว่าท่านเองก็รักประเทศ จงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุด อยากเห็นลูกหลานของเรามีอนาคต สิ่งที่ผ่านมา 7-8 ปี ขอให้จบแค่นี้ เรามาช่วยกันเถิด โดยเฉพาะตัวนายกฯ ตนขอใจท่านเถิด เราจะไม่พูดว่าท่านมีที่มาอย่างไร จะวางโครงข่ายสืบทอดอำนาจอย่างไร เราให้อภัยท่าน แม้บ้านเมืองจะเสียหายมาขนาดไหน เราก็ยินดีให้อภัยถ้าท่านเริ่มคิดนับตั้งแต่วินาทีนี้ ทั้งนี้ เราในฐานะ ส.ส.ที่ต้องลงคะแนนมีจิตสำนึกกลับไปตรึกตรอง ตรวจสอบใจ ตรวจสอบสมอง ตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้น มองไปที่อนาคตของลูกหลาน ใช้วิถีทางตามรัฐธรรมนูญในการลงมติไม่ไว้วางใจ การลงมติไม่ไว้วางใจนี้จะไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติเท่าปล่อยให้รัฐมนตรี และนายกฯ อยู่ในตำแหน่งต่อไป” นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า คืนอำนาจที่แท้จริงให้ประชาชน นี่คือทางรอดของบ้านเมือง แล้วมันจะแก้วิกฤติของบ้านเมืองที่รายล้อมอยู่ เขาชุมนุม เพราะเขาต้องการประชาธิปไตย เพียงแค่นายกฯ และองคาพยพตัดสินใจ นี่คือการลงทุนที่น้อยมาก ความสูญเสียก็จะไม่มาก หลังการอภิปรายนี้ ความมุ่งหวังสูงสุดคือการยกมือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทุกท่านตั้งแต่นายกฯมา เราจะได้มีนายกฯ และครม.ใหม่ ที่มาจากในรัฐสภาของเรามาทำหน้าที่ต่อ แต่คงไม่เกิด เพราะเวลา 1 วันที่ตนฝากไว้คงจะน้อยไป เสียงจะออกมาว่าไว้วางใจ แต่ความไว้วางใจนี้ตนเชื่อว่าจะทำให้เกิดการปรับ ครม. เพราะจะมี รัฐมนตรีบางท่านที่คะแนนจะผ่านเพียงผ่านเท่านั้น แต่จะเป็นคะแนนที่ไปบีบให้พล.อ.ประยุทธ์กลับไปมอง และปรับเปลี่ยน ครม. แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ก็ช่วยเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน ที่เห็นแก่ชาติบ้านเมืองมากขึ้น เอาใจใส่พี่น้องประชาชนให้มากขึ้น อย่าเพิกเฉยต่อปัญหา ท่านประกาศสงครามกับความยากจน ยาเสพติด และผู้มีอิทธิพลไปเลย ใช้กระบวนการของภาครัฐเข้าไปสู้อย่างเต็มที่ อาวุะที่สำคัญคือองค์ความรู้ ไม่ใช่ทำงานแบบมั่วไป คิดเอาเอง คาดการณ์เอาเอง การอภิปรายวันนี้จะเป็นไฟที่สุมเข้าไปรออีก 2 ปีข้างหน้า แล้วรอคำตอบจากพี่น้องประชาชนว่าเขาจะตัดสินอย่างไร เมื่อเขามีโอกาส ตนก็หวังอยากเห็นท่านประะธานมาอยู่ร่วมรัฐบาลกันเมื่อมีโอกาสเลือกตั้งครั้งหน้า พวกตนไม่สามารถไว้วางใจ นายกฯ และรัฐมนตรีทั้ง 9 คนได้ พวกเราเต็มที่ เพียงแต่ขอร้องไปยังเพื่อนสมาชิกฝ่ายสนับสนุน ถ้าเห็นคล้อย และตรึกตรองดีแล้ว ขอเสียงจากท่านมาเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ดีให้บ้านเมือง มาลงคะแนนไม่ไว้วางใจกันเถิด” นพ.ชลน่าน กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง