JP รุก OEM ดันรายได้ฟู 50% อัดงบ 300 ล้านอัพไลน์ผลิต
ข่าววันนี้ JP ปักเป้ารายได้ปี 2565 เติบโต 50% จากงาน OEM พบความต้องการยาสมุนไพรเพียบ ส่วนอาหารเสริมยังโตตามเทรนด์รักสุขภาพ พร้อมดันสัดส่วนยอดขายแบรด์ตัวเองแตะ 50% ส่วน 3 ปีคาดโตเป็น 2 เท่า เตรียมทุ่มงบลงทุน 300 ล้านบาท เพิ่มไลน์ผลิตยาน้ำสมุนไพร และแคปซูลนิ่ม
ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโต 50% ต่อจากปี 2564 ที่ 429.13 ล้านบาท โดยการเติบโตจะมาจากการรับจ้างผลิต (OEM) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนยอดขายหลัก 65% แต่ละปีบริษัทมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ผลิตสินค้าให้กับลูกค้าประมาณ 10 ราย ส่วนในปี 2565 บริษัทมีออเดอร์ OEM เข้ามาตามแผน และคาดทิศทางกลุ่ม OEM จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2564
** ยาสมุนไพรบูม
สำหรับปี 2565 บริษัทมองทิศทางธุรกิจยาแผนปัจจุบัน มีอัตราการเติบโตที่ดี เนื่องจากผู้บริโภคต้องการยารักษาโรค ส่วนผลิตภัณฑ์สมุนไพรยังมีความต้องการสูง ทำให้ภาพการเติบโตของสินค้ากลุ่มดังกล่าวมีทิศทางที่ดี ส่วนผลิตภัณฑ์อาหารเสริมยังเติบโตตามเทรนด์การรักษาสุขภาพ และสินค้ากลุ่มนี้ยังมีดีมานด์สูง บริษัทจึงมองภาพรวมทิศทางธุรกิจปี 2565 น่าจะเติบโตดีต่อเนื่องจากปี 2564
ขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์าสินค้าภายใต้ แบรนด์ของตัวเอง (Own Brand) คาดปี 2565 จะเติบโตสูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากบริษัทมีผลิตภัณฑ์ Own Brand ติดตลาด และสามารถสร้างยอดขายให้กับบริษัทได้ค่อนข้างสูง ในอนาคตคาดสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ Own Brand จะเพิ่มขึ้นมาใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ OEM ที่ 50:50 จากปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายที่ 33%
และบริษัทมีเป้าหมายก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านการวิจัย ผลิตและจำหน่ายยา และอาหารเสริมครบวงจร โดยร่วมมือสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อยกระดับนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อพัฒนาสินค้าภายใต้ Own Brand
** กางแผน 3 ปี
บริษัทวางแผนการเติบโต 3 ปี (2565-2567) จะมียอดขายเติบโตเป็น 2 เท่า จากการรับรู้ยอดขายและการเงินลงทุนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป โดยในปี 2566 จะรับรู้ยอดขายจากโรงงานใหม่ หลังจากบริษัทระดมทุนขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และนำมาเงินมาขยายกำลังผลิต โดยโรงงานใหม่จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปลายปี 2565 และสามารถผลิตและสร้างอดขายได้อย่างชัดเจนในปี 2566
ขณะที่ปี 2567 บริษัทจะขยายธุรกิจไปสู่ประเทศ CLMV โดยการขายสินค้าทั้งในกลุ่ม OEM และ Own Brand โดยบริษัทคาดจะมียอดขายจาก CLMV เข้ามาเสริมฐาน ประกอบกับบริษัทจะมียอดขายสินค้าในกลุ่มกัญชง และสารเสพติดให้โทษอื่นๆ ที่ภาครัฐปลดล็อกแล้ว และจะเริ่มผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าอาหารเสริมและยาได้ตามลำดับ
ส่วนกำลังผลิตปัจจุบัน บริษัทใช้กำลังผลิตอยู่ที่ 40-70% และในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าจะใช้กำลังผลิตขึ้นเป็น 50-75% จากการที่มีออเดอร์ผลิตผลิตภัณฑ์ยา อาหารเสริมเพิ่มขึ้น
สำหรับงบลงทุน บริษัทตั้งงบรวมไว้ที่ 300 ล้านบาท แบ่งเป็น งบลงทุนในปี 2565 ที่ 260 ล้านบาท และปี 2566 ที่ 40 ล้านบาท โดยบริษัทจะใช้สำหรับเพิ่มกำลังผลิตยาแผนปัจจุบันยาน้ำ แคปซูลนิ่ม และสมุนไพร