บล.ทิสโก้ชี้บาทอ่อนหนุนกลุ่ม ETRON แนะนำ “ถือ” HANA เป้า 61 บ.

#HANA #ทันหุ้น - หุ้นกลุ่ม ELECTRONIC รับผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่าที่เอื้ออำนวย อาจหนุนเป็นอัพไซด์ได้อีกครั้ง บล.ทิสโก้ได้เป็นเจ้าภาพให้กับบริษัทหลายแห่งสำหรับกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในงาน Corporate Day ของบล.ทิสโก้ การพูดคุยเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจ และแนวโน้มสำหรับ 2H23F เป็นต้นไป

ราคาหุ้นล่าสุดที่ปรับลงดูลงมากเกินไป แต่เห็นถึงโอกาสเพิ่มเติมจากปัจจัยมหภาคในปัจจุบัน

บล.ทิสโก้ระบุว่า หลังจากยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกรายเดือนถึงจุดต่ำสุดในเดือนเมษายนที่ -21.6% YoY หุ้น ETRON ของไทยก็ถึงจุดต่ำสุดในเดือนพฤษภาคม ตั้งแต่นั้นมา DELTA, KCE และ HANA ก็ปรับเพิ่มขึ้น 12%, 58% และ 72% ตามลำดับ แม้ว่า upside ในระยะสั้นจะดูจำกัดเนื่องจากการเพิ่มขึ้นเหล่านี้ แต่แนวโน้มล่าสุดในสกุลเงินบาทเทียบกับ USD (อ่อนค่าลง 2% QoQ ไปที่ 35.20 บาท/USD ใน 3Q23 และอีก 6% จากเดือน ก.ย. ไปที่ 37.00 บาท/USD ) เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มขึ้นอีกในระยะสั้น และเป็น upside ให้กับกำไรปี 2023F ของบล.ทิสโก้ จากการวิเคราะห์ Sensitivity พบว่าการอ่อนค่าทุกๆ 1บาทเทียบกับ USD เทียบกับสมมติฐานปัจจุบันของบล.ทิสโก้ที่ 34.00 บาท/USD จะมีผลกระทบเชิงบวกต่อกำไรปี 2023F ดังนี้: KCE 13%, SVI 8%, HANA 7% และ DELTA 5%

ข้อมูลการส่งออกแสดงให้เห็นการปรับดีขึ้นใน PCBA แต่ผสมกันสำหรับ IC

การส่งออกของแผ่นวงจรพิมพ์ยังคงอ่อนแอในเดือน ก.ค. - ส.ค. ที่ -3% YoY และ -13% ตามลำดับ ในขณะที่การเติบโตของวงจรรวมและชิ้นส่วนยังคงอยู่ที่ +3% และ +38% YoY ตามลำดับ ข้อมูลเหล่านี้บ่งบอกว่ายอดขายใน 3Q23 น่าจะยังลดลงต่อไปสำหรับ KCE ในขณะที่ IC ของ HANA อาจมีเซอร์ไพร์สเชิงบวกบ้าง ในขณะเดียวกัน ยอดขาย PCBA ในเดือน ก.ค. - ส.ค. ก็เพิ่มขึ้น 6% YoY ไปที่ 3.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจส่งผลเชิงบวกต่อทั้ง HANA และ SVI เนื่องจากยอดขาย PCBA คิดเป็น 56% และ 27% ของยอดขายรวม ตามลำดับ

กำไรหลักของกลุ่มธุรกิจจะเติบโตช้า QoQ

นอกเหนือจากกลุ่มยานยนต์ซึ่งคาดว่าจะยังคงแข็งแกร่ง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งกลุ่มผู้บริโภคและอุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับความต้องการในการฟื้นตัวที่ค่อนข้างช้าแต่มั่นคง ประมาณการรายได้รวมและกำไรสุทธิ 3Q ของบล.ทิสโก้สำหรับกลุ่ม ETRON ภายใต้การวิเคราะห์ของบบล.ทิสโก้อยู่ที่ 54.3 พันล้านบาท (+6% YoY, +4% QoQ) และ 6.2 พันล้านบาท (+8% YoY, +5% QoQ) ตามลำดับ และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง 6% นับตั้งแต่เดือน ก.ย. เทียบกับ USD อาจสนับสนุนทั้งยอดขายและอัตรากำไรฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q23F เป็นต้นไป โดยเฉพาะสำหรับ HANA ที่เพิ่งตัดสินใจคว้าโอกาสจากการอ่อนค่าของเงินบาทด้วยการปิดสถานะป้องกันความเสี่ยง

Top pick ยังคงเป็น HANA ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

นอกเหนือจากรูปแบบหลักในการเปลี่ยนธุรกิจจาก EMS มาเป็น ODM ในด้านอิเล็กทรอนิกส์กำลังผ่าน PSM (คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในปี 2025F) ต่อมา การตัดสินใจล่าสุดของฝ่ายบริหารในการปิดสถานะการป้องกันความเสี่ยงทั้งหมดน่าจะทำให้บริษัทได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างมากในปัจจุบัน /ดอลล่าร์ แนะนำให้ “ถือ” HANA มูลค่าที่เหมาะสม 61.00 บาท