รีเซต

ประมงเฮ กุ้ง-ปลาทูทะลักทะเลกระบี่ สำรวจก่อนเปิดอ่าวอันดามัน ชั่วโมงเดียวจับได้ 300โล

ประมงเฮ กุ้ง-ปลาทูทะลักทะเลกระบี่ สำรวจก่อนเปิดอ่าวอันดามัน ชั่วโมงเดียวจับได้ 300โล
มติชน
29 มิถุนายน 2563 ( 16:21 )
149
ประมงเฮ กุ้ง-ปลาทูทะลักทะเลกระบี่ สำรวจก่อนเปิดอ่าวอันดามัน ชั่วโมงเดียวจับได้ 300โล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง พร้อมนายสิทธิพล เมืองสง ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเขต 3 จ.กระบี่ นายสมบุญ ธัญญาผล ประมงจังหวัดกระบี่ และนายสุชาติ แสงจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงอันดามันตอนบนจังหวัดภูเก็ต นำกำลังเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเขต 3 จังหวัดกระบี่ โดยใช้เรือตรวจการณ์ประมงทะเล 605 และเรือเร็ว ออกสำรวจทรัพยากรสัตว์น้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งกุ้งแชบ๊วยและปลาทู ซึ่งเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจของประเทศไทย หลังกรมประมง ประกาศมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ ในฤดูสัตว์น้ำมีไข่วางไข่เลี้ยงตัวอ่อนฝั่งทะเลอันดามัน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายนของทุกปี เป็นการปิดในพื้นที่บางส่วนของจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง ตั้งแต่ปลายแหลมพันวา อ.เมืองภูเก็ต ถึงปลายแหลมหยงสตาร์ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง รวมเนื้อที่ 5,000 ตารางกิโลเมตร หากฝ่าฝืนทำประมงผิดกฎหมาย จะมีความผิดตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดการประมงปี 2558 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 30 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือประมง หรือปรับ 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดสูงกว่า

 

จากการออกสำรวจ พบเรือประมงพื้นบ้านเกือบ 50 ลำ ออกจากสัตว์น้ำห่างจากแนวชายฝั่ง 3,000 เมตร ได้กุ้งหัวเรียวและแชบ๊วย และปลาจำนวนมาก ส่วนเรือประมงพาณิชย์ที่สามารถจับสัตว์น้ำในฤดูปลามีไข่วางไข่เลี้ยงตัวอ่อนได้ สามารถจับสัตว์น้ำได้เป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ กรมประมงจะเปิดอ่าวให้ชาวประมงทุกประเภทสามารถออกจับสัตว์น้ำได้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป

 

นายบัญชา กล่าวว่า มาตรการปิดอ่าวเว้นให้พี่น้องชาวประมงพื้นบ้านและเรือประมงที่ไม่มีประสิทธิภาพสูงมากนักสามารถทำการประมงเลี้ยงชีพได้ ส่วนเรือประมงที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น อวนล้อม อวนลาก หรือ อวนติดตาที่มีขนาดตาอวนน้อยกว่า 4.7 เซนติเมตรและเครื่องมืออื่นๆ ห้ามทำการประมงในช่วงฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งจากเก็บข้อมูลทางวิชาการของกรมประมง 3 ระยะ คือ ก่อนมาตรการปิดอ่าวช่วงเดือนมีนาคม และระหว่างมาตรการช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม และก่อนจะเปิดอ่าวในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายน โดยจะเปิดอ่าวในวันที่ 1 กรกฎาคมของทุกปี พบว่าภาพรวมของสัตว์น้ำที่เคยจับได้อยู่ประมาณครั้งหนึ่ง 160 กิโลกรัมต่อเครื่องมือทดลอง 1 ชั่วโมง จากสัปดาห์ที่ผ่านมาการเก็บข้อมูลในภาพรวมจับสัตว์น้ำได้ 323 กิโลกรัมต่อ 1 ชั่วโมง เป็นนัยยะที่บอกว่าสัตว์น้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้น

 

“ส่วนปลาทู หรือ กลุ่มสัตว์น้ำที่เป็นปลาปริ่มน้ำจากอัตราการจับอยู่ที่ช่วง 10 – 12 กิโลกรัมต่อหนึ่งชั่วโมง ปรากฏว่าจับได้ถึง 15 กิโลกรัมต่อ 1 ชั่วโมง ซึ่งเพิ่มขึ้นในสัดส่วนหลายเปอร์เซ็นต์เช่นกัน ในศักยภาพของปลาทูซึ่งเป็นปลาเศรษฐกิจที่มีความสำคัญมาก จากทางวิชาการที่การจัดเก็บข้อมูล พบมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ขณะนี้สัตว์น้ำลูกปลาทูในฝั่งทะเลอันดามันมีการจับไป 9,000 ตันแล้ว ปีนี้คาดว่าจะไม่น้อยกว่า 20,000 ตัน ซึ่งเป็นศักยภาพที่เราทำได้สูงสุดในอดีตที่ผ่านมา ปริมาณสัตว์น้ำปลาทูจากมาตรการปิดอ่าวด้วยความร่วมมือของพี่น้องทุกภาคส่วนโดยเฉพาะพี่น้องชาวประมงได้ให้ความสำคัญกับมาตรการนี้มาก กรมประมงต้องขอขอบคุณที่ทำให้สัตว์น้ำเศรษฐกิจตัวนี้เพิ่มมูลค่าให้พี่น้องทะเลฝั่งอันดามันโดยเฉพาะเมืองกระบี่ที่จะรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเร็วๆนี้” นายบัญชา กล่าวและว่า

 

สำหรับส่วนการจับกุมผู้กระทำผิดในช่วงปิดอ่าว ยังมีชาวประมงฝ่าฝืนถูกจับกุมเรือประมงอวนล้อม 1 คดี มีผู้ต้องหา 40 คน นอกนั้นเป็นคดีเครื่องมือโพงพาง ใช้โป๊ะเป็นเครื่องมือประจำที่รวม 15 คดี ถือว่าคดียังมีบ้าง แต่ด้วยความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น กรมประมงจะเร่งประชาสัมพันธ์เรื่องนี้เพื่อสร้างความเข้าใจให้พี่น้องมากขึ้น จากการลงพื้นที่ในวันนี้เรื่องประมงพื้นบ้านมาใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพราะเครื่องมือที่ใช้เป็นเครื่องมือที่เลือกจับ โดยเฉพาะกุ้งหัวเรียว กุ้งแชบ๊วย ซึ่งเป็นกุ้งเศรษฐกิจถือว่าเป็นอาชีพให้ชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดกระบี่ กว่า 2,800 ลำ ให้มีรายได้แม้ในช่วงปิดอ่าว นี่คือผลพวงในการร่วมกันดูแลทรัพยากรสัตว์น้ำในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะใน 3 – 4 ปีที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มพื้นที่ ในอนาคตถ้าชาวประมงให้ความสำคัญ อาจขยายไปในพื้นที่อื่น อันนี้อยู่ที่ผลงานทางวิชาการ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง