รีเซต

บลจ.กรุงศรี ส่งกองไพรเวทเครดิต กระจายเสี่ยงพอร์ตลงทุน-ขายUI

บลจ.กรุงศรี ส่งกองไพรเวทเครดิต กระจายเสี่ยงพอร์ตลงทุน-ขายUI
ทันหุ้น
2 กรกฎาคม 2567 ( 17:01 )
11
บลจ.กรุงศรี ส่งกองไพรเวทเครดิต กระจายเสี่ยงพอร์ตลงทุน-ขายUI

#บลจ.กรุงศรี #ทันหุ้น บลจ.กรุงศรี เล็ง Private Credit เป็นสินทรัพย์น่าลงทุน จากอัตราการเติบโตสูง มีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้รูปแบบเดิม และไม่ผันผวนไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นและตราสารหนี้ในตลาด พร้อมเปิดขายกองทุนเปิดกรุงศรี Private Credit ขายเฉพาะนักลงทุน UI เริ่ม IPO วันนี้- 9 ก.ค. 67

 

นางสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า ไพรเวท เครดิต (Private Credit) เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ทางเลือกที่เข้ามาตอบโจทย์โอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี โดย Private Credit เป็นตราสารหนี้นอกตลาดที่เป็นแหล่งเงินทุนให้กู้แก่บริษัทเอกชน โดยผู้ให้กู้คือนักลงทุนที่ไม่ใช่ธนาคารหรือสถาบันการเงิน ผู้ให้กู้จะได้รับดอกเบี้ยซึ่งมักจะสูงกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารทั่วไป รวมทั้งมีการเรียกหลักประกันและกำหนดเงื่อนไขเพื่อป้องกันความเสี่ยงอีกด้วย จึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มากกว่า

 

*กระจายเสี่ยงให้พอร์ตลงทุน

นอกจากนี้ Private Credit ยังช่วยกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตการลงทุนโดยรวมได้ดีกว่าโดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง เนื่องจากมีโอกาสสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอจากดอกเบี้ยที่ได้รับ และผลตอบแทนไม่ได้มีแนวโน้มที่จะผันผวนไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นหรือตราสารหนี้  ทั้งนี้ ตลาด Private Credit ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นและมีการเติบโตขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับการปล่อยกู้ของธนาคารสหรัฐ โดยขนาดของตลาด Private Credit เติบโตมากกว่า 2 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา” (ที่มา : BlackRock 30 ก.ย. 64)

 

บลจ.กรุงศรี มองว่าเป็นจังหวะดีของการลงทุนใน Private Credit จึงได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรี Private Credit-ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KFPCD-UI)ซึ่งบริหารโดย BlackRock ผู้จัดการกองทุนระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในตลาด Private Credit มีประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 23 ปี มีเงินลงทุนมากกว่า 4หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ที่มา : BlackRock 31 ธ.ค. 66)

 

โดยกองทุน KFPCD-UI มีนโยบายลงทุนในกองทุนอ้างอิงชื่อ BlackRock Private Credit Fund (Institutional Shares)  มีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่เหนือกว่าตราสารหนี้ในตลาดจดทะเบียนและมุ่งสร้างกระแสเงินสดรับที่สม่ำเสมอ

 

*เลือกปล่อยก็บริษัทงบดี

โดยใช้กลยุทธ์แบบ Direct Lendingคือการปล่อยกู้ทางตรง เน้นการปล่อยกู้ให้กับบริษัทขนาดกลาง(Core Middle Market) ซึ่งมีสัดส่วนการก่อหนี้ที่ต่ำกว่าบริษัทขนาดใหญ่ และเป็นบริษัทที่มีมูลค่ากิจการประมาณ 100 เหรียญถึง 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีการกระจายการลงทุนในหลากหลายบริษัทในอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่วัฏจักร(Non-cyclical)คือบริษัทที่มีแนวโน้มจะดำเนินธุรกิจได้ดีได้รับผลกระทบในระดับต่ำจากการเปลี่ยนแปลงของวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น Healthcare, Tech/Software, Business Services เป็นต้น รวมทั้งกระจายการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีรายได้และผลกำไรสม่ำเสม

 

“สำหรับกลยุทธ์ Direct Lending นั้น ผู้ปล่อยกู้จะมีอำนาจต่อรองที่สูง สามารถกำหนดเงื่อนไขต่างๆเพื่อปกป้องผู้ลงทุนได้ดีกว่า มีข้อกำหนดด้านการเงินที่เข้มงวดส่งผลให้มีการผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำกว่าและอัตราการได้รับชำระคืนเมื่อเกิดการผิดนัดชำระหนี้ที่สูงกว่า นอกจากนี้ Direct Lendingยังช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตจากการใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวทำให้ได้รับผลกระทบที่จำกัดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้กองทุนอ้างอิงมีการลงทุนทั้งหมดในบริษัทที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันและส่วนใหญ่จะมีสิทธิเรียกร้องชำระหนี้คืนเป็นลำดับแรกด้วย”

 

“บลจ.กรุงศรี เชื่อมั่นว่าการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองทุน KFPCD-UI เป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนรายใหญ่ กับการลงทุนในสินทรัพย์กลุ่ม Private Credit เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้ทั่วไป และช่วยกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตการลงทุนโดยรวมในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนได้” นางสุภาพร กล่าว

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง