ยุทธวิธีของประธานาธิบดียูเครนละม้ายกับยุทธวิธีของฮันนิบาลในยุทธการที่แคนไน
ประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งประเทศยูเครนปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐอเมริกาที่จะอำนวยความสะดวกสำหรับกระบวนการอพยพทั้งตัวประธานาธิบดีและครอบครัวออกนอกประเทศ โดยประธานาธิบดีเซเลนสกีตอบข้อเสนอของสหรัฐอเมริกาอย่างเด็ดเดี่ยวว่า
“การสู้รบนั้นอยู่ที่นี่ (ในยูเครน)” และตัวประธานาธิบดีเซเลนสกีต้องการ “อาวุธยุทโธปกรณ์และความช่วยเหลือต่างๆ เพื่อป้องกันยูเครน” ไม่ใช่ความช่วยเหลือพาหนีออกนอกประเทศ โดยคำตอบที่แสดงจุดยืนอันกล้าหาญนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวยูเครนในการยืนหยัดต่อต้านการรุกรานของกองทัพรัสเซียทันที นอกจากนั้น ประธานาธิบดีเซเลนสกียังถ่ายคลิปวิดีโอขณะเดินอยู่กลางกรุงเคียฟ นครหลวงของยูเครนเพื่อเรียกร้องให้สหภาพยุโรปและองค์การระหว่างประเทศทั้งหลายให้การสนับสนุนยูเครนในการต่อสู้รับมือรัสเซียด้วย ซึ่งคลิปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ต่อออกไปทั่วโลก
อย่างไรก็ดี การรบระหว่างยูเครนกับรัสเซียก็ล่วงเลยมากว่า 10 วันแล้ว ซึ่งเหนือความคาดหมายของรัสเซีย ซึ่งมีประสบการณ์ในการรุกรานประเทศต่างๆ หลายประเทศในช่วงเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีปูติน อาทิ สาธารณรัฐเชเชน ประเทศจอร์เจีย รวมทั้งการผนวกไครเมียจากยูเครนเองก็ใช้เวลาไม่กี่วันด้วยกำลังทหารที่มหึมาก็สามารถเอาชัยชนะได้อย่างราบคาบโดยไม่ยากนัก แต่ครั้งนี้แม้รัสเซียจะคาดการณ์ว่าการบุกด้วยกำลังทหารอย่างมหาศาลจะทำให้ยูเครนยอมแพ้ภายในไม่กี่วันดังสงครามที่ผ่านๆ มา แต่กลับตาลปัตรทำให้รัสเซียมาเจอกับยุทธการที่แคนไนแบบที่โรมันประสบความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับให้กับกองทัพฮันนิบาลแห่งคาร์เธจเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว โดยกองทัพโรมันซึ่งมีกำลังพลประมาณ 86,400 คน แบ่งเป็นทหารราบ 80,000 คน ทหารม้า 6,400 คน ส่วนกองทัพคาร์เธจมีทหารอยู่เพียง 50,000 คนแบ่งเป็นทหารราบ 40,000 คน ทหารม้า 10,000 คน ซึ่งกองทัพทั้งสองเผชิญหน้ากันที่ใกล้หมู่บ้านแคนไน แคว้นปุลยา ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอิตาลี หรือบริเวณส้นรองเท้า หากเปรียบอิตาลีเป็นรองเท้าบู๊ต
การรบกันในครั้งนั้นรูปแบบที่กองทัพของทั้งโรมันและคาร์เธจจัดกระบวนทัพเป็นแถวหน้ากระดานสำหรับกองทัพทหารราบ โดยทหารจะเรียงกันเป็นแถวหลายแถวมีทหารม้าประจำอยู่ที่ปีกทั้งซ้ายและขวา เนื่องจากกองทัพโรมันมีกำลังพลเหนือกว่าถึง 1 เท่าตัว จึงทุ่มกำลังเข้าโจมตีตรงกลางแถวของกองทัพคาร์เธจให้แตกพ่ายไปเลยทีเดียว ซึ่งฮันนิบาลแม่ทัพของฝ่ายคาร์เธจตระหนักในยุทธวิธีทุ่มตีตรงกลางของฝ่ายโรมันเป็นอย่างดี แต่ฮันนิบาลตั้งใจที่จะใช้ยุทธวิธีตีโอบสองชั้น ซึ่งตรงกลางของแถวหน้ากระดานจะต้องยันกำลังที่เหนือกว่า 2 ต่อ 1 ให้ได้ โดยไม่ให้แตกพ่ายแต่ต้องทานแรงบุกที่ส่วนกลางให้ได้โดยการถูกผลักดันจนแนวโป่งไปด้านหลัง แต่ทหารคาร์เธจจะไม่หนี โดยแม่ทัพฮันนิบาลจะร่วมรบร่วมตายกับทหารราบที่อยู่ตรงกลางแถวนี้ด้วยตัวเอง
ครับ ! เมื่อแม่ทัพสูงสุดทำการรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพลทหารแนวหน้า ทำให้ขวัญกำลังใจของพลทหารแนวหน้าก็ยิ่งแข็งแกร่งเป็นธรรมดา เมื่อนายใหญ่มารบอยู่เคียงข้าง หากบาดเจ็บล้มตายก็ตายด้วยกัน จึงไม่มีใครหนีกัดฟันต่อสู้ แม้จะถูกฝ่ายโรมันกดดันด้วยกำลังทหารที่เหนือกว่ามากจนต้องถอยฉะไม่มีใครวิ่งหนีจนแนวโป่งไปด้านหลังเป็นรูปตัวยูทำให้กองทัพม้าที่ปีกทั้ง 2 ด้านสามารถตีโอบกองทัพโรมันทั้งหมดจากทางเบื้องหลังทำให้ทหารโรมันตกอยู่ในวงล้อมถูกสังหารหมู่จนละลายทั้งกองทัพ นับเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของคาร์เธจในดินแดนโรมันเอง
ยุทธวิธีตีโอบสองชั้นของฮันนิบาลนี้อยู่ที่ขวัญกำลังใจที่จะสู้ตายของกำลังพลทหารของคาร์เธจ ซึ่งประธานาธิบดีเซเลนสกีนำมาใช้โดยการปฏิเสธข้อเสนอของทางสหรัฐอเมริกาที่จะช่วยตัวประธานาธิบดีเซเลนสกีกับครอบครัวออกนอกประเทศเพื่อความปลอดภัย แต่ประธานาธิบดีเซเลนสกีพร้อมที่จะสู้ตายเคียงบ่าเคียงไหล่กับชาวยูเครนทั้งมวลที่บรรดาบุรุษทุกคน และสตรีเป็นจำนวนมากอยู่ต่อสู้กับกำลังทหารของรัสเซียที่เหนือกว่าทุกด้านอย่างองอาจกล้าหาญ ถึงแม้ว่าอาจจะถูกยึดเมืองหลวงและเมืองอื่นๆ ให้กับกองทัพรัสเซียก็ตาม
แต่ด้วยสปิริตการต่อสู้เพื่อบ้านเกิดเมืองมารดรก็แน่นอนว่าชาวยูเครนก็จะต่อสู้ต่อไปในรูปแบบของสงครามกองโจรต่อไป แล้วก็จะประสบชัยชนะเหนือกองทัพรัสเซียเหมือนกับชาวอัฟกานิสถานได้ชัยชนะเหนือกองทัพสหภาพโซเวียตมาแล้วเมื่อร่วม 30 ปีที่แล้ว
โกวิท วงศ์สุรวัฒน์