รีเซต

รู้จัก "Anti-Drone" ระบบการต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (C-UAS) เพื่อตรวจจับโดรนบนท้องฟ้า

รู้จัก "Anti-Drone" ระบบการต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (C-UAS) เพื่อตรวจจับโดรนบนท้องฟ้า
TNN ช่อง16
4 สิงหาคม 2568 ( 00:05 )
141

ระบบ "Anti-Drone" หรือที่เรียกว่า ระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (Counter-Unmanned Aircraft System - C-UAS) คือ เทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์หลัก 3 อย่าง คือ ตรวจจับ, ติดตาม, และขัดขวางหรือทำลาย อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรนที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือเป็นภัยคุกคาม

ทำความรู้จัก "Anti-Drone"

ระบบเหล่านี้มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากโดรนมีราคาถูกลงและใช้งานได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดความกังวลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในหลายพื้นที่ เช่น สนามบิน, เรือนจำ, สถานที่ราชการ, ฐานทัพ, และการจัดงานระดับประเทศ

ปัจจุบันระบบ Anti-Drone ถูกพัฒนาขึ้นหลายบริษัท แต่มีองค์ประกอบคล้าย ๆ กัน 2 ส่วนหลักๆ

1. การตรวจจับและติดตาม (Detection and Tracking) เป็นขั้นตอนแรกในการระบุว่ามีโดรนเข้ามาในพื้นที่หรือไม่ เทคโนโลยีที่นิยมใช้ได้แก่ 

  • การตรวจจับ (Detection) ถือเป็นด่านแรกในการระบุการมีอยู่ของโดรนในพื้นที่ โดยอาศัยเทคโนโลยีที่หลากหลายประกอบกัน เช่น เรดาร์ความถี่สูง, เซ็นเซอร์อินฟราเรดที่ตรวจจับความร้อน, ระบบตรวจจับคลื่นวิทยุ (RF Scanner), กล้องความละเอียดสูง และแม้แต่ระบบเสียงอะคูสติกที่คอยดักฟังเสียงใบพัด

  • การระบุตัวตน (Identification) เมื่อตรวจพบวัตถุต้องสงสัย ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้เพื่อยืนยันว่าเป็นโดรนจริงหรือไม่ และจำแนกประเภทเพื่อประเมินระดับของภัยคุกคาม

  • การติดตาม (Tracking) หลังจากระบุเป้าหมายได้แล้ว ระบบจะทำการติดตามเส้นทางการบินของโดรนอย่างต่อเนื่อง เพื่อวิเคราะห์ทิศทางการเคลื่อนที่และคาดการณ์เป้าหมายที่เป็นไปได้

  • การยับยั้ง (Neutralization) ขั้นตอนสุดท้ายในการหยุดยั้งภัยคุกคาม ซึ่งมีเทคนิคที่หลากหลายขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเหมาะสม

2. การขัดขวางหรือทำให้โดรนไร้ความสามารถ (Interdiction or Neutralization) โดยหลังจากตรวจพบและติดตามเป้าหมายแล้ว ระบบจะทำการหยุดยั้งโดรนด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

  • การรบกวนสัญญาณ (Jamming) วิธีนี้นิยมใช้มากที่สุด โดยการปล่อยคลื่นรบกวนสัญญาณควบคุม (Wi-Fi) และสัญญาณดาวเทียม (GPS) ทำให้โดรนสูญเสียการควบคุมและไม่สามารถระบุพิกัดของตนเองได้

  • การยึดควบคุม (Spoofing) เทคนิคขั้นสูงที่ส่งสัญญาณควบคุมปลอมเข้าไปหลอกล่อ และยึดครองระบบของโดรน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถบังคับให้โดรนลงจอดในพื้นที่ที่ปลอดภัยได้

  • การจับกุมทางกายภาพ วิธีการทางกายภาพเข้าสกัดกั้น เช่น การยิงตาข่ายเพื่อจับ,การใช้โดรนต่อต้านบินเข้าสกัด หรือแม้แต่การใช้อุปกรณ์พิเศษอื่นๆ

  • การใช้เลเซอร์ เทคโนโลยีใช้ลำแสงเลเซอร์พลังงานสูงสามารถถูกนำมาใช้เพื่อรบกวนเซ็นเซอร์ของโดรน หรือทำลายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ ทำให้โดรนใช้งานต่อไม่ได้

ระบบ "Anti-Drone" ในประเทศไทย

การนำระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (Counter-Unmanned Aircraft System - C-UAS) มาใช้อย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดทางกฎหมายเกี่ยวกับการใช้คลื่นสัญญาณรบกวน, สภาพอากาศร้อนชื้นที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของเซ็นเซอร์ และการขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในอนาคตชี้ให้เห็นว่าการใช้งาน C-UAS จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามความตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามจากโดรนที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับราคาเทคโนโลยีที่เข้าถึงง่ายขึ้น 

รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีความแม่นยำสูงขึ้นโดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการบูรณาการระบบเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานเดิม จะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาระบบป้องกันภัยทางอากาศของไทยให้ก้าวทันโลกต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง