สแกน 3 หุ้นรับผลดีสุดขึ้นค่าไฟฟ้า โบรกฯ ชี้ยังเสี่ยงถูกแทรกแซงจากรัฐ
#ทันหุ้น - บล.ดาโอ มีมุมมองเป็นกลาง ถึงแม้ว่ามติปรับขึ้นค่าไฟฟ้า (จากการปรับค่า Ft) ของ กกพ. จะส่งผลบวกต่อบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้า แต่มองว่ายังมีความเสี่ยงที่ค่าไฟงวดใหม่นี้ (ม.ค.-เม.ย. 2567) อาจจะยังไม่ปรับขึ้น หรือปรับขึ้นน้อยกว่ามติที่ออกมา
ท้งนี้ จากการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันที่อ่อนแอถึงแม้ว่า ค่าไฟใหม่นี้จะเป็นเคสที่มีการปรับขึ้นที่น้อยที่สุดจากอัตราปัจจุบันที่ 3.99 บาท/หน่วย มาที่ 4.68 บาท/หน่วย (เพิ่มขึ้น 89.55 สตางค์/หน่วย) ภายใต้เงื่อนไขทยอยจ่ายคืนหนี้ EGAT ออกไป 6 งวด (2 ปี) (ในขณะที่เคสอื่นประกอบด้วยอัตรา 4.93 บาท/หน่วย โดยทยอยคืนหนี้ EGAT 3 งวด และอัตรา 5.95 บาท/หน่อย เพื่อคืนหนี้ EGAT ที่ค้างทั้งหมดในงวดเดียว)
โดยงวดก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้ปรับ Ft ลง 0.46 บาท/หน่วย (เดิมค่าไฟตาม กกพ. ต้องอยู่ 4.45 บาท/หน่วย แต่รัฐฯ ปรับลงเหลือ 3.99 บาท/หน่วย) ซึ่งปกติการประกาศค่า Ft จะประกาศ 1 เดือนก่อน effective date โดยรอบก่อนประกาศเดือน ส.ค. เพื่อใช้เดือน ก.ย. แต่รัฐฯมาปรับอัตราใหม่ในเดือน ต.ค. แล้วก็มีผลย้อนตั้งแต่เดือน ก.ย.
อย่างไรก็ตาม หากอัตรา 4.68 บาท/หน่วย สามารถนำมาใช้ได้จริง จะเป็นผลบวกกับกลุ่มโรงไฟฟ้าจากประโยชน์ของ gap ส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นจากค่า Ft จากการจ่ายคืนหนี้ EGAT โดยเฉพาะกับโรงไฟฟ้า SPP ที่มีลูกค้าอุตสาหกรรมจำนวนมาก โดยเรียงลำดับจากหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมากไปน้อยคือ GPSC (ซื้อ/เป้า 60.00 บาท) มีลูกค้าอุตสาหกรรมราว 30%, BGRIM (ซื้อ/เป้า 35.00 บาท) มีลูกค้าอุตสาหกรรมราว 20% และ GULF (ซื้อ/เป้า 60.00 บาท) มีลูกค้าอุตสาหกรรมราว 10%
อย่างไรก็ตามประเด็นยังกล่าวยังต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐฯ อีกครั้ง ว่าจะมีการแทรกแซงอีกหรือไม่ โดยอิงท่าทีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมีความพยายามที่จะตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่ 3.99 บาท/หน่วย เพื่อลดภาระประชาชน ซึ่งหากค่าไฟฟ้าถูกตรึงไว้จะมีโอกาสเป็นลบกับกลุ่มไฟฟ้าหากไม่สามารถส่งต่อภาระต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นได้