ซูซาน วอยจิคกี้ อดีตซีอีโอ YouTube เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดในวัย 56 ปี
ซูซาน วอยจิคกี้ อดีตซีอีโอของ YouTube แพลตฟอร์มวิดีโอชื่อดัง และหนึ่งในผู้บริหารของ Google เสียชีวิตด้วยวัย 56 ปี หลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งปอดมานานกว่า 2 ปี
ย้อนไปในยุคธุรกิจ .com กำลังเฟื่องฟู ชื่อของซูซาน วอยจิคกี้ ถือเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่โดดเด่นที่สุดในวงการเทคโนโลยี เธอได้เข้าร่วมงานกับบริษัท Google ในปี 1999 และกลายมาเป็นหนึ่งในพนักงานกลุ่มแรก ๆ ของบริษัท โดยถูกจัดลำดับให้เป็นพนักงานลำดับที่ 16 ของบริษัท ซึ่งในขณะนั้นบริษัท Google เป็นผู้นำด้านการค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์
ต่อมาในปี ค.ศ. 2006 บริษัท Google ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการของ YouTube แพลตฟอร์มวิดีโอชื่อดังที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยมูลค่า 1.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 61,050 ล้านบาท เมื่อเทียบกับค่าเงินบาทในปี ค.ศ. 2006 หลังจากซูซาน วอยจิคกี้ ทำงานในตำแหน่งระดับสูงของ Youtube เป็นเวลาประมาณ 9 ปี เธอได้ลาออกจากตำแหน่งบริหารใน YouTube เมื่อปี 2023 เพื่อมุ่งใช้เวลากับครอบครัว และการรักษาสุขภาพ
ในช่วงก่อนการลาออกจาก Youtube เธอได้เขียนข้อความขอบคุณ 2 ผู้ก่อตั้ง Google คือ แลร์รี เพจ และเซอร์เกย์บริน เอาไว้อย่างประทับใจว่า "เมื่อ 25 ปีก่อน ฉันตัดสินใจเข้าร่วมงานกับนักศึกษาระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 2 คน ที่กำลังสร้างเครื่องมือค้นหาข้อมูลใหม่ ชื่อของพวกเขาคือ แลร์รี และ เซอร์เกย์ .... นั่นคงเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน"
การเสียชีวิตของซูซาน วอยจิคกี้ นับเป็นสูญเสียบุคคลด้านเทคโนโลยีคนสำคัญของบริษัท Google เนื่องจากผลงานของเธอเป็นที่ประจักษ์และยังคงถูกใช้งานทั่วโลก เช่น ระบบค้นหาข้อมูลด้วยรูปภาพ ระบบโฆษณาของ Google และการบริหารงานเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม Youtube
"ผมรู้สึกเศร้าโศกอย่างสุดซึ้งที่ต้องแจ้งข่าวการเสียชีวิตของซูซาน วอยจิคกี้ ภรรยาสุดที่รักของผมซึ่งใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมา 26 ปี และเป็นแม่ของลูกทั้ง 5 คน ได้จากเราไปในวันนี้ หลังจากใช้ชีวิตอยู่กับมะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็กมาเป็นเวลา 2 ปี" เดนนิส โทรเปอร์ สามีของซูซาน วอยจิคกี้ โพสต์แจ้งข่าวการเสียชีวิตผ่านทางแพลตฟอร์ม Facebook
นอกจากนี้ ซันดาร์ พิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Google ได้โพสต์ไว้อาลัยกับการจากไปของเธอว่า "ในช่วงสองปีที่ผ่านมา แม้ว่าซูซานจะต้องเผชิญกับความยากลำบากในชีวิตมากมาย แต่เธอก็ทุ่มเทเพื่อทำให้โลกนี้ดีขึ้นผ่านงานการกุศลของเธอ รวมถึงการสนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับโรคที่ทำให้เธอเสียชีวิตในที่สุด"
ที่มาของข้อมูล Reuters