“พิชัย” เปิด 5 ข้อเสนอเจรจาสหรัฐฯ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน Thailand - US Trade & Investment Summit 2025 ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ ซึ่งจัดโดยความร่วมมือของหอการค้าไทย หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AMCHAM) และหอการค้าสหรัฐอเมริกา (U.S. Chamber of Commerce) โดยมีผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน นักลงทุน และนักธุรกิจจากทั้งสองประเทศเข้าร่วมกว่า 300 คน
นายพิชัย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทย GDP ไตรมาสแรกของปี 2568 ขยายตัว ร้อยละ 3.1ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่การลงทุนมีมูลค่าคำขอรับส่งเสริมจาก BOI รวม 431,237 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 97และการส่งออกเติบโตโดดเด่นถึงร้อยละ 15.2 คิดเป็นมูลค่ากว่า 81,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉลี่ยตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ารับตำแหน่งในเดือนตุลาคม 2567 การส่งออกไทยขยายตัวร้อยละ 12.5 ต่อเดือน
โดยสหรัฐอเมริกาเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทย รองจากจีน ในปี 2567 มูลค่าการค้าระหว่างกันสูงกว่า 74,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อความท้าทายจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งไทยได้ยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR ) อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ซึ่งได้รับการตอบรับเชิงบวกจากนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ
1.เสริมความร่วมมือในสาขาอาหารแปรรูป ดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ และ AI
2.ขยายการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เช่น พลังงาน สินค้าเกษตร และชิ้นส่วนอากาศยาน
3เปิดตลาดและลดอุปสรรคทางการค้า แก้ไขมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี
4.ป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า
5.ส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ
ข้อเสนอดังกล่าว ได้ถูกหารือเพิ่มเติมกับนายจามิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และนายเบสเซนต์ ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคที่เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ โดยทั้งสองฝ่ายแสดงความพร้อมในการขับเคลื่อนความร่วมมือผ่านการเจรจาระดับนโยบายที่กรุงวอชิงตันในอนาคตอันใกล้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวเชิญชวนนักลงทุนสหรัฐฯ ขยายการลงทุนในไทย โดยเน้นศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะพลังงานที่มั่นคง ซึ่งเอื้อต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ แผงวงจรพิมพ์ (PCB) และดาต้าเซ็นเตอร์ ปัจจุบันมีบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น Google, Microsoft และ Amazon เข้ามาลงทุนในไทยแล้ว และนักลงทุนสหรัฐฯ ยังได้รับสิทธิพิเศษภายใต้สนธิสัญญาไมตรี (Treaty of Amity) ที่อนุญาตให้ถือหุ้นในกิจการไทยได้ 100% ซึ่งเป็นสิทธิเฉพาะที่ไม่เคยมอบให้ประเทศอื่น